เรื่องกล้วยๆ ของกล้วยๆ แต่มีอานิสงส์มาก
ดังปรากฏในประวัติของพระกุณฑธานเถระ พระเถระเกิดในตระกูลพราหมณ์ในเมืองสาวัตถี ท่านมีชื่อเดิมว่า “ธานะ” ศึกษาศิลปะวิทยาจบไตรเพทตามลัทธิพราหมณ์ ท่านครองชีวิตฆราวาสอยู่จนย่างเข้าสู่วัยชราวันหนึ่ง ได้มีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดาแล้วเกิดศรัทธาเลื่อมใสกราบทูลขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดาทรงประทานการอุปสมบทให้ตามประสงค์
พระเถระขวนขวายวิเวกอยู่เนืองๆ มีปกติเข้าฌาน ยินดีในฌาน ให้พระศาสดาทรงพอพระทัยแล้ว ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เป็นอยู่อย่างผู้ไม่มีอาสวะ
ต่อมา ได้มีมหาอุบาสิกานามว่าสุภัททา กราบอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูปไปสู่อุคคนคร เมื่อถึงเวลาแจกภัตตาหารพระอานนท์เถระรับหน้าที่แจกสลากแก่ภิกษุสงฆ์ ขณะนั้นท่านพระกุณฑธานเถระ ได้แสดงอภินิหารเหาะขึ้นไปบนอากาศบันลือสีหนาทแล้วขอจับสลากก่อนซึ่งพระอานนท์เถระก็ให้ท่านจับก่อนตามประสงค์ แม้ในการแจกภัตรด้วยสลากครั้งอื่น ๆ ท่านก็จะบันลือสีหนาทและขอจับสลากเป็นท่านแรกทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดา จึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะว่า “เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทางเป็นผู้จับสลากเป็นที่หนึ่ง”
พระกุณฑธานเถระได้ประกาศประวัติในอดีตชาติของตนไว้ว่า
“ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใสมีใจยินดีได้บำรุงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด ทรงเป็นพระสยัมภู เป็นบุคคลผู้เลิศ เสด็จหลีกเร้นอยู่ ๗ วัน
ข้าพเจ้ารู้เวลาที่พระองค์จะเสด็จออกจากสมาบัติ จึงได้ถือกล้วยหวีใหญ่เข้าไปถวาย แด่พระผู้มีพระภาคผู้เป็นมหามุนีพระนามว่าปทุมุตตระ
ฯลฯ
ด้วยกรรมนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำหมื่นจักรวาลให้หวั่นไหว ประทับนั่งในท่ามกลางหมู่ภิกษุ ทรงตั้งข้าพเจ้าไว้ในตำแหน่งอันเลิศ (เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทางเป็นผู้จับสลากเป็นที่หนึ่ง)
ข้าพเจ้ามีความเพียรสำหรับนำพาธุระ เป็นความเพียรที่นำมาซึ่งธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะ ข้าพเจ้าทรงร่างกายซึ่งมีในภพสุดท้ายอยู่ในศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้เป็นอาทิ
เพราะฉะนั้น ใครที่ชอบเสี่ยงโชคลาภจะถวายกล้วยก่อนก็ไม่เสียหาย อาจได้โชคลาภก่อนผู้อื่น ดังเช่นพระกุณฑธานเถระก็เป็นได้ อีกนัยหนึ่ง จะประกอบพิธีการมงคลอันใดก็ตาม ผู้คนก็นิยมนำกล้วยมาประกอบการบวงสรวงสังเวยบูชา เพื่อความสำเร็จแห่งประโยชน์ที่ตนปรารถนาโดยไม่ยากนั่นเอง.
สาระธรรมจากกุณฑธานเถราปทาน
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
28/9/64
เรื่องกล้วยๆ ของกล้วยๆ แต่มีอานิสงส์มาก, พระกุณฑธานเถระ เอตทัคคะมหาสาวกในทางผู้จับสลากเป็นที่หนึ่ง
0 comments: