รับนิมนต์และสวนที่ถวายโดยหญิงงามเมือง
[ณ กรุงเวสาลี แคว้นวัชชี หญิงงามเมือง (หญิงบริการ) ชื่อ อัมพปาลี ทราบข่าวว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่โกฏิคาม จึงจัดรถงามๆเดินทางออกจากเวสาลีเพื่อไปหาท่าน ถึงจุดที่รถเข้าไม่ได้ก็ลงเดินเท้าไปถึงที่พักของท่าน หลังจากพระพุทธเจ้าได้สนทนาธรรมกับนางแล้ว นางก็พูดว่า]
อ: ขอท่านพร้อมกับภิกษุสงฆ์ โปรดรับภัตตาหารของข้าพระองค์ในวันพรุ่งนี้เพื่อบุญกุศลด้วยเถิด
[พระพุทธเจ้ารับคำแล้วนางก็ขอลากลับไป โดยระหว่างทางกลับ นางได้สวนทางกับพวกเจ้าลิจฉวีที่แต่งรถงามๆมาหาพระพุทธเจ้าเช่นกัน เมื่อหยุดคุยกันพวกเจ้าลิจฉวีจึงรู้ว่าพรุ่งนี้นางจะขอถวายภัตตาหารให้พระพุทธเจ้า]
ล: แม่อัมพปาลี เธอให้พวกฉันถวายเถอะ เดี๋ยวจะให้เงินเธอหนึ่งแสนกหาปณะแทน (1 กหาปณะ = 4 บาท)
อ: ถึงท่านจะให้เวสาลีทั้งเมือง หม่อมฉันก็ให้ไม่ได้
ล: (ดีดนิ้ว) ท่านทั้งหลาย พวกเราแพ้แม่อัมพปาลีแล้ว (จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ)
[เมื่อพระพุทธเจ้าได้เห็นเจ้าลิจฉวีที่แต่งกายเขียว เหลือง แดง ขาวต่างกันมาแต่ไกล ท่านก็พูดกับภิกษุทั้งหลายว่า]
พ: ใครไม่เคยเห็นเทพเจ้าชั้นดาวดึงส์ ก็จงดูพวกเจ้าลิจฉวีเถิด
[หลังจากที่พวกเจ้าลิจฉวีมาถึงและได้สนทนาธรรมกันกับพระพุทธเจ้าแล้ว เจ้าลิจฉวีก็พูดว่า]
ล: ขอท่านพร้อมกับภิกษุสงฆ์ โปรดรับภัตตาหารของข้าพระองค์ในวันพรุ่งนี้เพื่อบุญกุศลด้วยเถิด
พ: ลิจฉวีทั้งหลาย เรารับนิมนต์ของนางอัมพปาลีหญิงงามเมืองแล้ว
ล: (ดีดนิ้ว) ท่านทั้งหลาย พวกเราแพ้แม่อัมพปาลีแล้ว (จากนั้นก็ออกเดินทางกลับ)
[ต่อมา พระพุทธเจ้าเดินทางไปนครนาทิกา นางอัมพปาลีซึ่งเตรียมภัตตาหารถวายไว้ที่สวนของตน ได้นิมนต์ท่านมาที่สวนและถวายภัตตาหารนั้น จากนั้นได้กล่าวว่า]
อ: ข้าฯขอถวายสวนอัมพปาลีแห่งนี้แก่ภิกษุสงฆ์ที่มีท่านเป็นประมุข
[พระพุทธเจ้ารับไว้เพื่อเป็นวัดของสงฆ์ และเมื่อได้สนทนาธรรมกันเสร็จแล้ว ท่านก็ออกเดินทางต่อไปยังป่ามหาวัน]
ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 7 (พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค 2 เภสัชชขันธกะ เรื่องเสด็จดำเนินโกฏิคาม), 2559, น.115-118
ที่มาของการเข้าพรรษา, ที่มาของการกำหนดวินัยสงฆ์ข้อแรก, ที่มาของการห้ามรับเงินทอง, ไม่คิดแพ้ชนะ, ทำเขาไว้อย่างไร ก็โดนคืนอย่างนั้น, บาปและบุญคือเงาตามตัวไปโลกหน้า, วิธีดึงให้หันมาหาแก่นแท้, ไม่ตึงไม่หย่อนไป, เมื่อรู้แจ้งอริยสัจ 4 แล้ว จะไม่มีการเกิดอีก, คนพาลที่ไปเกิดเป็นสัตว์แล้วจะกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้งนั้นยากแค่ไหน
0 comments: