พระศาสนาอันตรธาน (ตอน ๒)
คำเสนอแนะ:
๑. สำหรับท่านที่ไม่ถนัดที่จะอ่านคำบาลี (ซึ่งเมื่อไรจึงจะถนัดก็ไม่อาจทราบได้) ท่านจะอ่านเฉพาะคำแปลก็ได้ หวังใจว่าคำแปลเป็นไทยก็คงไม่ยากเกินกว่าที่คนไทยจะอ่านเข้าใจได้ดีพอสมควร
๒. สำหรับท่านที่มีกุศลจิตนิยมสวดมนต์ประจำวัน ขอเสนอแนะให้ท่านลงทุนคัดลอกข้อความสัทธัมมปฏิรูปกสูตรที่นำมาเสนอนี้ทำเป็นแผ่นกระดาษที่สะดวกแก่การเปิดอ่าน เมื่อท่านสวดมนต์ประจำวันหรือในโอกาสที่ท่านเคยปฏิบัติอยู่ เมื่อสวดบทอื่นๆ ตามปกติแล้วขอให้เพิ่มสัทธัมมปฏิรูปกสูตรเข้าไปอีกบทหนึ่ง
ในที่นี้คำบาลีเขียนแบบบาลี ด้วยเจตนาจะกระตุ้นให้เกิดอุตสาหะในการอ่าน ถ้าท่านมีอุตสาหะในการสวดมนต์ เพียงแค่การอ่านคำบาลีอักษรไทยแค่นี้ทำไมจะอ่านไม่ได้ โปรดระลึกว่าคนที่อ่านได้เขาก็ไม่ได้อ่านได้มาตั้งแต่เกิด มาฝึกฝนเอาทีหลังทั้งนั้น
หัดเอื้อมขึ้นไปหยิบเอาเองได้ ท่านจะภาคภูมิใจยิ่งกว่าที่มีคนหยิบยื่นส่งมาให้ทุกอย่าง
ในการสวด ท่านจะสวดเฉพาะคำบาลีก็ได้ จะสวดคำแปลควบคู่ไปด้วยก็ได้ ในที่นี้ได้ทำเครื่องทับ (/) ไว้ให้แล้ว หมายถึงหยุดเป็นวรรคๆ เมื่อถึงเครื่องหมายทับ
ถ้าจะให้เกิดอรรถรสยิ่งขึ้น ในเวลาสวด-โดยเฉพาะสวดคำบาลี-ควรเอื้อนเสียงสูง-ต่ำ ยาว-สั้น ตามจังหวะลีลาของถ้อยคำคล้ายกับที่พระธรรมยุตท่านสวด ผมไม่สามารถบอกได้ว่าคำไหนตรงไหนควรเป็นเสียงสูง-ต่ำ ยาว-สั้นอย่างไร ขอให้ท่านมีอิสระในการคิดอ่านปรุงแต่งเอาเองตามอัธยาศัย การสวดเป็นทำนองแบบนั้นถ้าสวดร่วมกันเป็นหมู่จะยิ่งเกิดอรรถรส นำมาซึ่งปีติโสมนัสในธรรม เกิดมหากุศลยิ่งๆ ขึ้นไป ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านมา ณ ที่นี้
สัทธัมมปฏิรูปกสูตร
[๕๓๑] เอกํ สมยํ ภควา / สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม ฯ
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน / อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีใกล้กรุงสาวัตถี
อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป / เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ ฯ
ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ/ ครั้นเข้าไปเฝ้าถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภควนฺตํ เอตทโวจ ครั้นท่านพระมหากัสสปนั่งเรียบร้อยแล้วได้กราบทูลถามว่า
โก นุ โข ภนฺเต เหตุ โก ปจฺจโย / เยน ปุพฺเพ อปฺปตรานิ เจว สิกฺขาปทานิ อเหสุํ / พหุตรา จ ภิกฺขู อญฺญาย สณฺฐหึสุ / โก ปน ภนฺเต เหตุ โก ปจฺจโย / เยเนตรหิ พหุตรานิ เจว สิกฺขาปทานิ / อปฺปตรา จ ภิกฺขู อญฺญาย สณฺฐหนฺตีติ ฯ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ/ อะไรหนอแลเป็นเหตุเป็นปัจจัย/ให้เมื่อก่อนสิกขาบทมีน้อยและภิกษุดำรงอยู่ในพระอรหัตผลมีมาก/ และอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย/ให้บัดนี้สิกขาบทมีมากและภิกษุดำรงอยู่ในพระอรหัตผลมีน้อย
[๕๓๒] เอวญฺเหตํ กสฺสป โหติ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า/ ดูก่อนกัสสป ข้อนั้นเป็นอย่างนี้
สตฺเตสุ หายมาเนสุ สทฺธมฺเม อนฺตรธายมาเน / พหุตรานิ เจว สิกฺขาปทานิ โหนฺติ / อปฺปตรา จ ภิกฺขู อญฺญาย สณฺฐหนฺติ
คือ เมื่อหมู่สัตว์เลวลง/ พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป/ สิกขาบทจึงมีมากขึ้น/ ภิกษุที่ดำรงอยู่ในพระอรหัตผลจึงมีน้อยลง
น ตาว กสฺสป สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหติ / ยาว น สทฺธมฺมปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ
สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด/ พระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไปตราบนั้น
ยโต จ โข กสฺสป สทฺธมฺมปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ / อถ สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหติ ฯ
และสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อใด/ พระสัทธรรมจึงเลื่อนหายไปเมื่อนั้น
เสยฺยถาปิ กสฺสป น ตาว ชาตรูปสฺส อนฺตรธานํ โหติ / ยาว น ชาตรูปปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ / ยโต จ โข กสฺสป ชาตรูปปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ / อถ ชาตรูปสฺส อนฺตรธานํ โหติ ฯ
ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด/ ทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไปตราบนั้น/ และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้นในโลก/ ทองคำธรรมชาติจึงหายไป ฉันใด
เอวเมว โข กสฺสป / น ตาว สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหติ / ยาว น สทฺธมฺมปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ / ยโต จ โข กสฺสป สทฺธมฺมปฏิรูปกํ โลเก อุปฺปชฺชติ / อถ สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหติ ฯ
พระสัทธรรมก็ฉันนั้นแลกัสสป/ สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด/ พระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไปตราบนั้น/ เมื่อใดสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้น/ เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป
[๕๓๓] น โข กสฺสป ปฐวีธาตุ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปติ / น อาโปธาตุ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปติ / น เตโชธาตุ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปติ / น วาโยธาตุ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปติ
ดูก่อนกัสสป/ ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้/ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้
อถ โข อิเธว เต อุปฺปชฺชนฺติ โมฆปุริสา / เย อิมํ สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปนฺติ / เสยฺยถาปิ กสฺสป นาวา อาทิเกเนว โอปิลาวติ ฯ
ที่แท้ โมฆบุรุษในศาสนานี้เอง/เกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป/ เปรียบเหมือนเรือจะอับปางก็เพราะต้นหนนั่นเอง
น โข กสฺสป เอวํ สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ โหติ ฯ
ดูก่อนกัสสป/ พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไป ด้วยประการฉะนี้
[๕๓๔] ปญฺจ โขเม กสฺสป โอกฺกมนิยา ธมฺมา / สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ ฯ
ดูก่อนกัสสป/ เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเหล่านี้ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม
กตเม ปญฺจ ฯ เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเป็นไฉน?
อิธ กสฺสป ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย / สตฺถริ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา / ธมฺเม อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา / สงฺเฆ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา / สิกฺขาย อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา / สมาธิสฺมึ อคารวา วิหรนฺติ อปฺปติสฺสา ฯ
คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาในธรรมวินัยนี้/ ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา ๑/ ในพระธรรม ๑/ ในพระสงฆ์ ๑/ ในสิกขา ๑/ ในสมาธิ ๑
อิเม โข กสฺสป ปญฺจ โอกฺกมนิยา ธมฺมา / สทฺธมฺมสฺส สมฺโมสาย อนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ ฯ
เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเหล่านี้แล/ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม
[๕๓๕] ปญฺจ โขเม กสฺสป ธมฺมา / สทฺธมฺมสฺส ฐิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺติ ฯ
ดูก่อนกัสสป/ เหตุ (ฝ่ายสูง) ๕ ประการเหล่านี้แลย่อมเป็นไปพร้อม/เพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม
กตเม ปญฺจ ฯ เหตุ (ฝ่ายสูง) ๕ ประการเป็นไฉน?
อิธ กสฺสป ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย อุปาสกา อุปาสิกาโย / สตฺถริ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา / ธมฺเม สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา / สงฺเฆ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา / สิกฺขาย สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา / สมาธิสฺมึ สคารวา วิหรนฺติ สปฺปติสฺสา ฯ
คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาในธรรมวินัยนี้/ มีความเคารพยำเกรงในพระศาสดา ๑/ ในพระธรรม ๑/ ในพระสงฆ์ ๑/ ในสิกขา ๑/ ในสมาธิ ๑
อิเม โข กสฺสป ปญฺจ ธมฺมา / สทฺธมฺมสฺส ฐิติยา อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย สํวตฺตนฺตีติ ฯ
เหตุ (ฝ่ายสูง) ๕ ประการเหล่านี้แล/ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม
เตรสมํ ฯ จบสัทธัมมปฏิรูปกสูตรที่ ๑๓
ที่มา: สัทธัมมปฏิรูปกสูตร สังยุตนิกาย นิทานวรรค, พระไตรปิฎกเล่ม ๑๖ ข้อ ๕๓๑-๕๓๕
ตอนหน้า: ชวนกันศึกษาสัทธัมมปฏิรูปกสูตร
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย, ๘ กันยายน ๒๕๖๔, ๑๗:๔๕
0 comments: