พระผู้มีพระภาคตรัสพระดำรัสนี้ว่า “คนมักโกรธ ชอบผูกอาฆาต ชอบลบหลู่ดูหมิ่น เห็นผิดเป็นชอบ (และ) มีมารยา พึงทราบว่าเป็นคนเลว”
อธิบายความ
คำว่า “คนมักโกรธ” คือผู้โกรธเป็นปกติ. คำว่า “ชอบผูกอาฆาต” คือผู้ประกอบพร้อมด้วยความโกรธ โดยทำความโกรธนั้นนั่นแลให้มั่นคง (ไม่ยอมให้อภัย ไม่ละความโกรธ). คำว่า “ชอบลบหลู่ดูหมิ่น” คนใดย่อมล้าง ย่อมลบ ซึ่งคุณทั้งหลายของคนอื่น (ที่ทำไว้กับตน) เพราะเหตุนั้น คนนั้นชื่อว่า “ผู้ลบหลู่” ส่วนคนที่ลบหลู่คุณท่านด้วย ดูถูกเหยียดหยามท่านด้วย ชื่อว่า “ผู้ลบหลู่อย่างเลว”
คำว่า “เห็นผิดเป็นชอบ” คือผู้มีสัมมาทิฏฐิวิบัติแล้ว หรือผู้ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ ๑๐ เช่นมีความเห็นว่า “ทานที่บุคคลให้แล้วไม่มีผล” เป็นต้น. คำว่า “มีมารยา” คือผู้ประกอบพร้อมด้วยมายามีการปกปิดโทษอันมีอยู่ในตนเป็นต้น. คำว่า “พึงทราบว่าเป็นคนเลว” คือท่านจงรู้บุคคลนั้นว่า “เป็นคนถ่อย” เพราะหลั่งออก เพราะไหลออก และเพราะซ่านไป แห่งธรรมเลวทรามเหล่านั้น
เพราะฉะนั้น บุคคลเลว ย่อมมีความโกรธเป็นธรรมดา จึงแสดงความถ่อยออกมา และความโกรธก็ดี ความผูกอาฆาตก็ดี ความลบหลู่ดูหมิ่นคุณท่านก็ดี ความเห็นผิดเป็นชอบก็ดี ความมีมารยาก็ดี ทำให้คนเป็นคนเลว หรือทำคนให้เป็นคนถ่อย ดังนี้
สาระธรรมจากวสลสูตร
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
4/8/64
0 comments: