“อย่าหลงเป็นเหยื่อยามถูกยั่วยุทำให้อารมณ์กำเริบจนเกิดโทสะ”
เพราะว่า ผู้ไม่หวังดีมักมีมายาแสดงออกมาในรูปแบบยั่วยุที่จะทำให้เราโกรธก่อนและความโกรธของเราจะเป็นเหมือนอาหารที่ทำให้เขาเกิดปีติในจิตใจ ถ้าเราหลงโกรธตามอารมณ์ที่ถูกยั่วยุ เมื่อนั้นเราก็จะกลายเป็นเหยื่อให้เขาข่มเราได้
ดังนั้น ยามถูกยั่วยุให้โกรธ บุคคลผู้เป็นบัณฑิตชนท่านใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าแก้ไข ดังเนื้อความปรากฏในทุพพัณณิยสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า
เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ยักษ์ตนหนึ่งมีผิวพรรณไม่งาม ต่ำเตี้ย นั่งอยู่บนที่ประทับของท้าวสักกะจอมเทพ ได้ยินว่า ณ ที่นั้น พวกเทพชั้นดาวดึงส์พากันกล่าวโทษตำหนิติเตียนว่า ‘ท่านผู้เจริญทั้งหลาย น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ ยักษ์ตนนี้มีผิวพรรณไม่งาม ต่ำเตี้ย นั่งอยู่บนที่ประทับของท้าวสักกะจอมเทพ’ พวกเทพชั้นดาวดึงส์กล่าวโทษตำหนิติเตียนด้วยประการใดๆ ยักษ์ตนนั้นกลับเป็นผู้มีรูปงาม ทั้งน่าดูน่าชม และน่าเลื่อมใสยิ่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยประการนั้นๆ
ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น พวกเทพชั้นดาวดึงส์พากันเข้าไปเฝ้าท้าวสักกะจอมเทพถึงที่ประทับ ได้กราบทูลท้าวสักกะจอมเทพดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ขอประทานวโรกาส ยักษ์ตนหนึ่งมีผิวพรรณไม่งาม ต่ำเตี้ย นั่งอยู่บนที่ประทับของพระองค์ ได้ยินว่า ณ ที่นั้นพวกเทพชั้นดาวดึงส์พากันกล่าวโทษตำหนิติเตียนว่า ‘ท่านผู้เจริญทั้งหลาย น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏ ยักษ์ตนนี้มีผิวพรรณไม่งาม ต่ำเตี้ย นั่งอยู่บนที่ประทับของท้าวสักกะจอมเทพ’ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ พวกเทพชั้นดาวดึงส์กล่าวโทษตำหนิติเตียนด้วยประการใดๆ ยักษ์ตนนั้นกลับเป็นผู้มีรูปงาม ทั้งน่าชมและน่าเลื่อมใสยิ่งกว่าเดิม ด้วยประการนั้นๆ ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ยักษ์ตนนั้นคงเป็นผู้มีความโกรธเป็นอาหารเป็นแน่ทีเดียวพระเจ้าข้า"
ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพ เสด็จเข้าไปหายักษ์ผู้มีความโกรธเป็นอาหารนั้นจนถึงที่อยู่ แล้วประนมมือไปทางที่ยักษ์ตนนั้นอยู่ ประกาศพระนาม ๓ ครั้งว่า ‘ท่านผู้นิรทุกข์ เราคือท้าวสักกะจอมเทพ ท่านผู้นิรทุกข์ เราคือท้าวสักกะจอมเทพ ท่านผู้นิรทุกข์ เราคือท้าวสักกะจอมเทพ’
ภิกษุทั้งหลาย ท้าวสักกะจอมเทพทรงประกาศพระนามด้วยประการใดๆ ยักษ์ตนนั้นกลับมีผิวพรรณไม่งามและต่ำเตี้ยยิ่งกว่าเดิม ยักษ์ตนนั้นเป็นผู้มีผิวพรรณไม่งามและต่ำเตี้ยยิ่งกว่าเดิมแล้วได้หายตัวไป ณ ที่นั้นเอง’
ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพประทับนั่งบนที่ประทับของพระองค์แล้ว เมื่อจะทรงทำให้พวกเทพชั้นดาวดึงส์ยินดี จึงตรัสคาถาเหล่านี้ในเวลานั้นว่า
“เราเป็นผู้มีจิตไม่ถูกโทสะกระทบกระทั่ง เป็นผู้ที่ใครๆ จะชักนำไปไม่ได้ง่าย
เราไม่โกรธใครมานานแล้ว ความโกรธไม่ฝังอยู่ในใจเรา ถึงเราโกรธก็ไม่กล่าวคำหยาบ
และไม่กล่าวคำที่ไม่ถูกต้องเป็นอันขาด เราเห็นประโยชน์ตน จึงบังคับตนได้” ดังนี้ ฯ
เพราะฉะนั้น ความอดทนเป็นคุณชาติที่ประเสริฐแล้ว แต่ความอ่อนน้อมถ่อมตนกลับเป็นคุณชาติที่ประเสริฐกว่า
สาระธรรมจากทุพพัณณิยสูตร สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) , 19/4/65
"สำนักสงฆ์เขาพระครู" อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
นมัสการ "พระอุปคุตปราบพญามาร" ปางจกบาตรมองตะวัน ภายในสำนักสงฆ์เขาพระครู ศาสนสถานอันงดงามไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม
สำนักสงฆ์เขาพระครู เป็นสถานปฏิบัติธรรม ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา ใจกลางเมืองศรีราชา สวยงาม สงบ ร่มรื่น มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เห็นทั่วทั้งเมืองศรีราชาและเกาะสีชัง มีทางรถยนต์ขึ้นมาบนสำนักสงฆ์ มีการปฏิบัติธรรมสำหรับบุคคลทั่วไป ตลอดทั้งปี
เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ไหว้พระ ทำบุญ ชมความงามขององค์พระพุทธลีลานาคะบารมี พระประธานขนาดใหญ่บนลานปฏิบัติธรรม
0 comments: