“ภังคานุปัสสนาญาณ”
การกระทำไว้ในใจว่า “สิ่งที่ยังไม่ดับ นั่นแหละกำลังดับ, สิ่งที่ยังไม่แตก นั่นแหละกำลังแตก” แล้วปล่อยจิตจากนิมิตแห่งความเกิดและความตั้งอยู่แห่งสังขารทั้งปวง พิจารณาดูแต่ความแตกแห่งสังขารทั้งปวงอย่างเดียวเนืองๆว่า “สังขารทั้งปวงแตกอยู่ๆ”
เหมือนการคอยมองดูความแตกของภาชนะเก่าๆที่คนกำลังทุบ หรือเหมือนการคอยมองดูความแตกกระจายของฝุ่นละเอียดที่คนกำลังโปรย หรือเหมือนการคอยมองดูความแตกของเมล็ดงาที่คนกำลังคั่ว นี้เรียกว่า “ภังคานุปัสสนาญาณ” ปัญญาตามรู้เห็นความแตกดับแห่งสังขารทั้งปวงเนืองๆ
มีพลานิสงส์ ๘ ประการ คือ
๑. ละภวทิฏฺฐิได้ (ละการเห็นว่ามีภพอันเป็นอมตะได้)
๒. สละความใยดีในชีวิตได้
๓. ได้ประกอบภาวนาอันชอบทั้งกลางวันทั้งกลางคืน
๔. มีการเลี้ยงชีพบริสุทธิ์ (ช่วยให้ดำเนินชีวิตแบบคนมีศีลได้บริบูรณ์)
๕. ละความขวนขวายในกิจน้อยกิจใหญ่ในภายนอกได้ (ใจไม่ฟุ้งซ่านไปภายนอก)
๖. เป็นผู้ปราศจากความกลัว
๗. ได้ทดสอบความอดทนและความยินดีแต่พอดี (ได้ทดสอบขันติโสรัจจะ)
๘. สามารถอดกลั้นต่อความลำบากในการบำเพ็ญอธิกุศล (ความลำบากในการบำเพ็ญฌานและวิปัสนา) และสามารถอดกลั้นต่อความยินดีในอกุศล (ความยินดีในกามคุณ) ได้
ดังพระพุทธพจน์ว่า “พระมุนีผู้สำคัญตนว่า “เป็นเหมือนคนที่มีผ้านุ่งผ้าห่มและมีศีรษะถูกไฟไหม้อยู่แล้ว” เห็นคุณอันเยี่ยม ๘ ประการนี้แล้ว พิจารณาในภังคานุปัสนานั้นเนืองๆ ไป ย่อมสำเร็จเป็นภังคานุปัสสีบุคคล เพื่อบรรลุอมตธรรมได้” ดังนี้.
สาระธรรมจากวิสุทธิมรรคภาค ๓ (ภังคานุปัสนาญาณ)
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
3/6/64
0 comments: