วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ภีรุกชาตกํ - ว่าด้วยความสวัสดี

ภีรุกชาตกํ - ว่าด้วยความสวัสดี

"กุสลูปเทเส  ธิติยา  ทฬฺหาย  จ,   อนิวตฺติตตฺตาภยภีรุตาย  จ;   น  รกฺขสีนํ  วสมาคมิมฺหเส,   ส  โสตฺถิภาโว  มหตา  ภเยน  เมติ ฯ   เราไม่ตกอยู่ในอำนาจของพวกผีเสื้อน้ำ เพราะความเพียรมั่นคง ดำรงอยู่ในคำแนะนำของผู้ฉลาด และเป็นผู้ขลาดต่อภัย ความสวัสดีจากภัยใหญ่นั้น เกิดขึ้นแล้วแก่เรา."

อรรถกถาปัญจภีรุกชาดกที่ ๒ 

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภพระสูตรว่า ด้วยการประเล้าประโลม(ปโลภนสูตร)ของมารธิดา ณ อชปาลนิโครธ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า  กุสลูปเทเส  ธิติยา  ทฬฺหาย  จ ดังนี้.

ความพิสดารว่า ในกาลที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพระสูตรนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบบริบูรณ์อย่างนี้ว่า :-   „นางตัณหา นางอรดีและนางราคา ล้วนเพริศพริ้งแพรวพราวพากันมา พระศาสดาทรงกำจัดนางเหล่านั้นไปเสีย เหมือนลมพัดปุยนุ่น ให้หล่นกระจายไปฉะนั้น."

พวกภิกษุประชุมกันในโรงธรรม ตั้งเรื่องสนทนากันว่า „ผู้มีอายุทั้งหลาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มิได้ทรงลืมพระเนตรแลดูพวกมารธิดา อันจำแลงรูปทิพย์หลายร้อยอย่างแล้วเข้าไปหาเพื่อจะเล้าโลม โอ ขึ้นชื่อว่ากำลังของพระพุทธเจ้า น่าอัศจรรย์“

พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ?" เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันการที่ไม่แลดูพวกมารธิดาของเรา ผู้ทำให้อาสวะหมดสิ้นไปแล้วบรรลุความเป็นพระสัพพัญญูแล้ว ในบัดนี้ ไม่น่าอัศจรรย์เลย, แท้จริงในกาลก่อน เรากำลังแสวงหาพระโพธิญาณ มิได้ทำลายอินทรีย์ทั้งหลายเสียแลดูแม้ซึ่งรูปทิพย์ ที่พวกนางยักษิณีพากันเนรมิตไว้ ด้วยอำนาจกิเลส ทั้งที่เรายังมีกิเลส ดำเนินไปจนบรรลุถึงความเป็นมหาราชได้“ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี  พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นน้ององค์เล็กที่สุด ของพระพี่ยาเธอตั้ง ๑๐๐ องค์ เรื่องราวทั้งหมดบัณฑิตพึงให้พิสดาร โดยนัยดังกล่าวแล้วในตักกสิลาชาดก ในหนหลังนั้นแล.  (แปลก) แต่ว่า ในครั้งนั้น เมื่อชาวเมืองตักกสิลาเข้าไปอัญเชิญพระโพธิสัตว์ ณ ศาลาภายนอกพระนคร มอบถวาย ราชสมบัติ กระทำการอภิเศกแล้ว ชาวตักกสิลานคร พากันตกแต่งพระนครเหมือนเมืองสวรรค์ ตกแต่งพระราชนิเวศน์เหมือนวิมานอินทร์.

ปางเมื่อพระโพธิสัตว์ เสด็จเข้าพระนครแล้วเสด็จขึ้นสู่บัลลังก์รัตน์ ภายใต้เศวตรฉัตรในท้องพระโรงหลวงในประสาทอันเป็นพระราชสถาน ประทับนั่งด้วยลีลาประหนึ่งท้าวเทวราช เหล่าอำมาตย์ พราหมณ์ คฤหบดีและขัตติยกุมารต่างแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อม แวดล้อมโดยขนัด นางบำเรอประมาณ หมื่นหกพันนาง ล้วนแน่งน้อย เปรียบประดุจเทพอัปสรทุกนางต่างฉลาดในการฟ้อนรำ ขับร้องและบรรเลง พระราชวังก็ครื้นเครงทั่วกัน ด้วยเสียงขับร้องและบรรเลงเพลงประสานปานประหนึ่งท้องมหาสมุทร ที่กำลังคะนองคลื่นเบื้องหน้าแต่เมฆฝนตกกระหน่ำแล้ว

พระโพธิสัตว์ทอดพระเนตรดูศิริเสาวภาค อันบรรลุแก่พระองค์นั้นทรงดำริว่า „ถ้าเราจักพะวงแลดูรูปทิพย์ที่นางยักษิณีเหล่านั้นจำแลงเสียแล้วละก็คงสิ้นชีวิตไปแล้ว คงไม่ได้ดูศิริเสาวภาคนี้ แต่เพราะเราตั้งอยู่ในโอวาท ของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ศิริโสภาคนี้ จึงบรรลุแก่เรา“ ครั้นทรงดำริฉะนี้แล้ว เมื่อจะทรงเปล่งพระอุทานได้ตรัสพระคาถานี้ว่า :-   

„เราไม่ตกอยู่ในอำนาจของพวกรากษส เพราะความเพียรมั่นคง ดำรงอยู่ในคำแนะนำของผู้ฉลาดและความไม่หวาดหวั่นต่อภัยและความสยดสยอง, สวัสดิภาพจากภัยอันใหญ่หลวง จึงมีแก่เรา.“

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า  กุสลูปเทเส  ความว่า ในคำชี้แจงของท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย อธิบายว่า ในโอวาทของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย.  บทว่า  ธิติยา  ทฬฺหาย  จ  ความว่า เพราะความเพียรอันเด็ดเดี่ยวมั่นคงและเพราะความเพียรอันเฉียบขาดแน่นอน.  บทว่า  อวตฺถิตตฺตา  ภยภีรุตาย  จ  ความว่า และเพราะความไม่หวาดหวั่นต่อภัยใหญ่ ที่ทำให้กายสะท้าน ในภัยทั้งสองอย่างนั้น ภัยเล็ก ๆ น้อย ๆที่ทำให้จิตสะดุ้งชื่อว่าภัย ภัยใหญ่หลวงที่ทำให้ร่างกายสั่นหวั่นไหวชื่อว่าความสยดสยอง ภัยทั้งสองประการนี้ก็ดี อารมณ์อันน่าสยดสยองว่า ขึ้นชื่อว่ายักษิณีเหล่านี้มันกินมนุษย์ทั้งนั้น ดังนี้ก็ดี มิได้มีแก่พระมหาสัตว์เลย ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า  อวตฺถิตตฺตา  ภยภีรุตาย  จ ความไม่มีความหวาดหวั่นต่อภัยและความสยดสยอง อธิบายว่า เพราะไม่มีความหวาดหวั่นสยดสยองเสียเลย คือถึงจะเห็นอารมณ์ที่น่าสยดสยอง ก็ไม่ยอมท้อถอย.

บทว่า  น  รกฺขสีนํ  วสมาคมิมฺหเส  ความว่า ไม่ต้องมาสู่อำนาจแห่งนางรากษสเหล่านั้นในทางอันกันดารด้วยยักษ์ท่านกล่าวอธิบายว่า เพราะเหตุที่เรามีความเด็ดเดี่ยวมั่นคงในคำชี้แจงของท่านผู้ฉลาดและเรามีการไม่ย่นย่อท้อถอยเป็นสภาพ เพราะไม่มีความกลัวและความหวาดสดุ้ง ฉะนั้น เราจึงไม่มาสู่อำนาจของพวกรากษส ดังนี้ สวัสดิภาพ คือความเกษมจากภัยอันใหญ่หลวง คือจากทุกข์โทมนัสที่เราต้องประสบ ในสำนักของพวกนางรากษส ของเรานั้น ก็คือความปีติโสมนัสอย่างเดียวนี้ เกิดแล้วแก่เราในวันนี้.

พระมหาสัตว์ทรงแสดงธรรมด้วยคาถานี้ ด้วยประการฉะนี้ทรงครองราชสมบัติโดยธรรม บำเพ็ญบุญมีให้ทานเป็นต้นเสด็จไปตามยถากรรม.

พระศาสดา ทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประชุมชาดกว่า เราตถาคตได้เป็นราชกุมาร ผู้ไปปกครองราชสมบัติ ในพระนครตักกสิลา ในครั้งนั้น ฉะนี้แล. จบอรรถกถาภีรุกชาดกที่ ๒

ที่มา : Palipage: Guide to Language - Pali


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: