วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ให้ชำระล้างใจด้วยคำสอน ไม่ใช่ด้วยการลอยบาป

ให้ชำระล้างใจด้วยคำสอน ไม่ใช่ด้วยการลอยบาป

[ณ วิหารเชตวัน ใกล้นครสาวัตถี พระพุทธเจ้ากล่าวกับภิกษุทั้งหลายว่า]

พ:  ผ้าที่หมอง ถึงช่างจะย้อมด้วยสีใดๆก็ตาม สีผ้านั้นก็จะออกมาดูหมองอยู่ดี นี่เป็นเพราะผ้านั้นไม่บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับจิต ถ้าเศร้าหมองแล้ว ก็จะไปสู่ทุคติ แต่ถ้าเป็นผ้าที่บริสุทธิ์หมดจด ย้อมออกมาก็จะได้สีสด จิตที่บริสุทธิ์ก็ย่อมจะไปสู่สุคติเช่นกัน แล้วอะไรที่ทำให้จิตเศร้าหมอง

จิตเศร้าหมองเพราะละโมบ ริษยา พยาบาท โกรธ ผูกใจเจ็บ ลบหลู่คน ดูหมิ่นคน ยกตน ถือตัว โอ้อวด หัวดื้อ ชิงเด่น ตระหนี่ มารยา มัวเมา และประมาท

เมื่อจิตเศร้าหมองให้รู้ เมื่อรู้แล้วให้ละ เมื่อละก็จะสละคืน ใจเกิดปราโมทย์ปีติ กายสงบ มีสุข จิตตั้งมั่น และเกิดปัญญาหลุดพ้น กล่าวได้ว่าเป็นผู้ชำระล้างแล้วด้วยเครื่องชำระล้างภายใน

[ขณะนั้น สุนทริกภารทวาชพราหมณ์ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากพระพุทธเจ้า ได้ถามขึ้นมาว่า]

ส:  ท่านพระโคดม จะไปแม่น้ำพาหุกาเพื่อชำระล้างหรือ?  พ:  พราหมณ์ แม่น้ำพาหุกาจะทำอะไรได้

ส:  ผู้คนมากมายเชื่อว่าแม่น้ำพาหุกาทำให้ตนบริสุทธิ์ได้ เป็นบุญ จึงพาไปกันไปลอยบาปที่ตนทำในแม่น้ำพาหุกา.   พ:  คนไม่ดีมีบาปติดตัว ถึงจะไปแม่น้ำพาหุกา ท่าน้ำอธิกักกะ แม่น้ำคยา แม่น้ำสุนทริกา แม่น้ำสรัสสดี ท่าน้ำปยาคะ และแม่น้ำพาหุมดี เป็นประจำ ก็ไม่มีทางจะบริสุทธิ์ได้ แม่น้ำอะไรก็ช่วยไม่ได้  พราหมณ์ ท่านจงชำระล้างด้วยคำสอนของเราเถิด จงทำดีต่อสัตว์ทั้งปวงเถิด ถึงจะดื่มน้ำจากแม่น้ำคยา ก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้

ส:  คำสอนของท่านแจ่มแจ้งมาก เหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องแสงในที่มืด ผมขอถือท่าน คำสอนของท่าน และพระสงฆ์ที่ปฏิบัติตามคำสอนของท่านเป็นที่พึ่ง (สรณะ) ขอท่านโปรดจำผมว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตราบจนลมหายใจสุดท้าย

[หลังจากบวชแล้ว พระภารทวาชะก็หลีกออกไปปฏิบัติธรรมอยู่รูปเดียว มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว ไม่นานก็บรรลุอรหันต์]

ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 17 (พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ภาค 1 เล่ม 1 วัตถูปมสูตร ข้อ 91), 2559, น.351-356


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: