วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2564

สอนเรื่องการใช้ชีวิตในสังคม

สอนเรื่องการใช้ชีวิตในสังคม

[ณ นครราชคฤห์ ขณะที่พระพุทธเจ้ากำลังจะเข้าไปบิณฑบาตในเมือง ได้เห็นสิงคาลกะ ลูกคหบดี กำลังยกมือไหว้แต่ละทิศ 6 ทิศ คือ หน้า ขวา หลัง ซ้าย ล่าง และบน พระพุทธเจ้าจึงเดินเข้าไปถามว่า]

พ:  ท่านตื่นแต่เช้า ผ้าเปียกผมเปียก ออกมายกมือไหว้ 6 ทิศ คือ หน้า ขวา หลัง ซ้าย ล่าง และบน เพราะอะไร?  ส:  พ่อของผมเคยบอกไว้ก่อนตายว่าให้นอบน้อมต่อทิศทั้งหลายนี้ ผมก็เชื่อฟังพ่อจึงทำตาม.   

พ:  พระอริยเจ้าจะไม่นอบน้อมทิศทั้ง 6 กันอย่างนี้.   ส:  ถ้าอย่างนั้น ท่านทำกันอย่างไร?   พ:  ท่านจงตั้งใจฟังให้ดี อริยสาวกไม่ทำกรรมอันเกิดจากกิเลส 4 ไม่ทำบาป 4 และไม่เดินสู่ความเสื่อม 6 เมื่อเป็นผู้ไม่ทำกรรมชั่ว 14 อย่างนี้แล้ว จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้นอบน้อมโดยการทำหน้าที่ต่อทิศทั้ง 6 อย่างสมบูรณ์ ตายไปก็จะเข้าสู่สุคติสวรรค์

ไม่ทำกรรมอันเกิดจากกิเลส 4 คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ละเมิดภรรยาผู้อื่น และไม่พูดเท็จ.  ไม่ทำบาป 4  คือ ไม่ทำบาปเพราะความรัก ความเกลียด ความกลัว และความหลง.  ไม่เดินสู่ความเสื่อม 6 คือ ไม่ดื่มน้ำเมา ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดูมหรสพ ไม่เล่นพนัน ไม่คบเพื่อนชั่ว และไม่ขี้เกียจ.  โทษของการดื่มน้ำเมา มี 6 ข้อ คือ เสียทรัพย์ เสียสุขภาพ เสียชื่อเสียง ทะเลาะวิวาท ไม่รู้จักอาย และทอนปัญญา.

โทษของการเที่ยวกลางคืน มี 6 ข้อ คือ เป็นอันตรายต่อตัวเอง เป็นอันตรายต่อลูกเมีย เป็นอันตรายต่อทรัพย์สิน เป็นที่ระแวงของคนอื่น มักถูกใส่ร้ายในเรื่องไม่จริง และเกิดความลำบาก.  โทษของการดูมหรสพ มี 6 ข้อ คือ มีเต้นรำที่ไหนไปที่นั่น มีร้องเล่นที่ไหนไปที่นั่น มีดนตรีที่ไหนไปที่นั่น มีเพลงที่ไหนไปที่นั่น มีกลอนละครที่ไหนไปที่นั่น และมีความบันเทิงเฮฮาที่ไหนไปที่นั่น.

โทษของการเล่นพนัน มี 6 ข้อ คือ คนชนะก็ถูกคนแพ้จองเวร คนแพ้ก็เสียดายทรัพย์ เสียทรัพย์ที่เคยมี พูดอะไรก็ฟังไม่ขึ้น ถูกคนดูถูก และไม่มีใครอยากแต่งงานด้วย. โทษของการคบเพื่อนชั่ว มี 6 ข้อ คือ พาให้ติดพนัน พาให้เจ้าชู้ พาให้ติดเหล้า พาให้หลอกลวงคน พาให้คดโกงคน พาให้ท้าตีคน.  โทษของความขี้เกียจ มี 6 ข้อ คือ ชอบอ้างว่าหนาว ร้อน เย็น เช้า หิวข้าว และหิวน้ำไม่ยอมทำงาน

คน 4 จำพวก คือ คนปอกลอก คนดีแต่พูด คนขี้ประจบ และคนที่ชวนกันฉิบหาย ท่านพึงรู้ไว้ว่าพวกนี้ไม่ใช่เพื่อนแท้ เป็นเพื่อนกิน.  คนปอกลอก คือ คนที่คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว เสียน้อยเอามาก ไม่ช่วยเพื่อนยามมีภัย และเห็นแต่ประโยชน์ตัวเอง.  คนดีแต่พูด คือ คนที่พูดแต่เรื่องที่ผ่านไปแล้ว พูดแต่เรื่องที่ยังมาไม่ถึง ทำแต่เรื่องที่หาประโยชน์ไม่ได้ และเมื่อถึงเวลาต้องทำในสิ่งที่ควรทำก็จะมีข้ออ้างไม่ทำ.  คนขี้ประจบ คือ คนที่เพื่อนทำชั่วก็ตามใจ เพื่อนทำดีก็ตามใจ ต่อหน้าพูดชม และลับหลังนินทา.  คนที่ชวนกันฉิบหาย คือ คนที่ชวนกันดื่มน้ำเมา ชวนกันเที่ยวกลางคืน ชวนกันดูมหรสพ และชวนกันเล่นพนัน

คน 4 จำพวก คือ คนที่อุปการะ คนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข คนที่แนะประโยชน์ และคนที่ให้ความรักใคร่ ท่านพึงรู้ไว้ว่าพวกนี้เป็นเพื่อนแท้.  คนที่อุปการะ คือ คนที่ปกป้องเพื่อนที่ประมาท ปกป้องทรัพย์สมบัติของเพื่อนที่ประมาท เป็นที่พึ่งเมื่อมีภัย และให้ทรัพย์เพื่อนเมื่อถึงคราวจำเป็น.  คนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข คือ คนที่บอกความลับแก่เพื่อน เก็บความลับของเพื่อน ไม่ทิ้งกันเมื่อมีอันตราย และยอมตายเพื่อเพื่อนได้.  คนที่แนะประโยชน์ คือ คนที่ห้ามไม่ให้ทำชั่ว ให้ทำความดี ให้ได้ฟังในสิ่งที่ไม่เคยฟัง และบอกทางสวรรค์ให้.  คนที่ให้ความรักใคร่ คือ ไม่ชอบที่เพื่อนเสื่อมลง ชอบที่เพื่อนได้ดี ห้ามคนที่ว่าร้ายเพื่อน และชื่นชมคนที่ชื่นชมเพื่อน

เมื่ออริยสาวกไม่ได้ทำกรรมชั่วทั้ง 14 ข้อเหล่านั้นแล้ว ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้นอบน้อมโดยการทำหน้าที่ต่อทิศทั้ง 6 อย่างสมบูรณ์ ทิศเบื้องหน้า คือ พ่อแม่, ทิศเบื้องขวา คือ ครูอาจารย์, ทิศเบื้องหลัง คือ ลูกเมีย, ทิศเบื้องซ้าย คือ เพื่อน, ทิศเบื้องล่าง คือ ทาสและกรรมกร, ทิศเบื้องบน คือ สมณพราหมณ์.

ลูกๆควรดูแลพ่อแม่โดยการเลี้ยงดูท่านตอบ ช่วยงานท่าน รักษาวงศ์ตระกูล ปฏิบัติตัวให้เป็นผู้สมควรรับมรดก และทำบุญอุทิศให้ท่านยามท่านล่วงลับไปแล้ว.  พ่อแม่ย่อมดูแลลูกๆโดยห้ามทำชั่ว ให้ทำความดี ให้มีการศึกษา หาภรรยาที่เหมาะสมให้ และมอบทรัพย์ให้.  ลูกศิษย์ควรดูแลครูอาจารย์โดยลุกขึ้นยืนรับ เข้าไปคอยต้อนรับ เชื่อฟัง ดูแลปรนนิบัติ และตั้งใจเรียน.  ครูอาจารย์ย่อมดูแลลูกศิษย์โดยการให้คำแนะนำที่ดี ให้เรียนดี ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดให้ ชมเขาต่อหน้าเพื่อน และคอยปกป้องคุ้มครอง

สามีควรดูแลภรรยาโดยยกย่องว่าเป็นภรรยา ให้เกียรติไม่ดูหมิ่น ไม่นอกใจ ให้เขาเป็นใหญ่ และให้เครื่องแต่งตัว.  ภรรยาย่อมดูแลสามีโดยจัดการงานดี ดูแลคนข้างเคียงสามี ไม่นอกใจ รักษาทรัพย์ที่หามาได้ ขยันไม่เกียจคร้าน.  เพื่อนควรดูแลเพื่อนโดยการแบ่งปัน พูดกันดีๆ ทำประโยชน์ให้กัน มีความสัมพันธ์แบบเท่าเทียมกัน และไม่ใส่ร้ายกัน.  เพื่อนย่อมดูแลเพื่อนตอบโดยรักษาเพื่อนที่ประมาท รักษาทรัพย์ของเพื่อนที่ประมาท เป็นที่พึ่งเมื่อมีภัย ไม่ทิ้งเพื่อนเมื่อมีภัย และนับถือครอบครัวของเพื่อน

นายควรดูแลทาสและกรรมกรโดยการจัดงานให้ทำตามควรแก่กำลัง ให้มีอาหารกินและรางวัล รักษายามป่วยไข้ แจกของรสแปลกให้ และให้มีวันหยุดตามควร.  ทาสและกรรมกรย่อมดูแลนายโดยลุกขึ้นทำงานก่อนนาย เลิกงานหลังนาย รับแต่ของที่นายให้ ทำงานให้ดีขึ้น และบอกเล่าความดีนาย.  ฆราวาสควรดูแลสมณพราหมณ์โดยการปฏิบัติต่อท่านด้วยเมตตา พูดด้วยเมตตา คิดเมตตา เปิดประตูรับเสมอ และทำทาน.   สมณพราหมณ์ควรดูแลฆราวาสโดยการห้ามไม่ให้ทำชั่ว ให้ทำดี อนุเคราะห์ด้วยใจงาม ให้เขาได้ฟังในสิ่งที่ไม่เคยฟัง ทำสิ่งที่เขาเคยฟังแล้วให้ชัดเจนขึ้น และบอกทางสวรรค์ให้

ส: คำสอนของท่านแจ่มแจ้งมาก เหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือส่องแสงในที่มืด ผมขอถือท่าน คำสอนของท่าน และพระสงฆ์ที่ปฏิบัติตามคำสอนของท่านเป็นที่พึ่ง (สรณะ) ขอท่านโปรดจำผมว่า เป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตราบจนลมหายใจสุดท้าย

ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 16 (พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ภาค 3 เล่ม 2 สิงคาลกสูตร ข้อ 172), 2559, น.70-83



Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: