วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2564

จะรู้ว่าเรารักตัวเราหรือไม่ ?

จะรู้ว่าเรารักตัวเราหรือไม่ ?

พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่โพธิราชกุมาร ดังนี้ว่า

“ถ้าบุคคลรู้ว่าตนเป็นที่รัก  ก็ควรรักษาตนนั้นไว้ให้ดี  บัณฑิตพึงประคับประคองตนไว้ให้ได้  อย่างน้อยก็ยามใดยามหนึ่งใน ๓ ยาม”

อธิบาย

คำว่า “ประคับประคองตน”  ในที่นี้หมายถึง ถ้าเป็นคฤหัสถ์ก็ควรทำบุญมีให้ทานและรักษาศีลเป็นต้น ถ้าเป็นบรรพชิตก็ควรขวยขวายทำวัตรปฏิบัติศึกษาพระปริยัติและเจริญกัมมัฏฐานเป็นต้น

คำว่า “ยาม”  ในที่นี้หมายถึงวัย ได้แก่ ระยะของอายุ มี ๓ วัยคือ ปฐมวัย มัชฌิมวัย และปัจฉิมวัย

ถ้าบุคคลทราบตนว่า “เป็นที่รักของตน”  ก็พึงรักษาตนนั้นให้เป็นอันรักษาดีแล้ว คือบุคคลผู้รักษาตนเหล่านั้น ถ้าผู้เป็นคฤหัสถ์คิดว่า ‘จักรักษาตน’ ดังนี้แล้ว ทำบุญทั้งหลายมีให้ทานรักษาศีลเป็นต้นตามกำลังอยู่ หรือผู้เป็นบรรพชิต ถึงความขวนขวายในวัตรปฏิบัติ ปริยัติ และการทำพระกรรมฐานไว้ในใจอยู่ ก็ชื่อว่าย่อมรักษาตน

ถ้าไม่อาจทำอย่างนั้นได้ใน ๓ วัย  ก็ต้องประคับประคองตนไว้แม้ในวัยใดวัยหนึ่งก็ได้ คือถ้าไม่อาจทำกุศลได้ในปฐมวัย เพราะความเป็นผู้หมกมุ่นอยู่ในการเล่นไซร้ ในมัชฌิมวัยก็ไม่ควรประมาทในการบำเพ็ญกุศล แต่ถ้าในมัชฌิมวัยยังต้องเลี้ยงบุตรและภรรยาไม่อาจบำเพ็ญกุศลได้ไซร้ ในปัจฉิมวัยก็ควรบำเพ็ญกุศลให้ได้ จึงชื่อว่าผู้รักษาตน

ด้วยอาการแม้อย่างนี้  ตนเป็นอันบุคคลนั้นประคับประคองไว้ดีแล้วทีเดียว แต่เมื่อเขาไม่ทำอย่างนั้น ตนย่อมชื่อว่าไม่เป็นที่รักของตน  ผู้นั้นเท่ากับทำตนนั้นให้มีอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้าทีเดียว ดังนี้.

สาระธรรมจากเรื่องโพธิราชกุมาร

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)

4/9/64














Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: