วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2564

หนุ่มเสน่ห์แรง : นายเขมกะ หนุ่มหล่อจอมเจ้าชู้แห่งเมืองสาวัตถี (มีคาถามหาเสน่ห์ให้นำไปท่องบ่นภาวนา)


เรื่องบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ เป็นหนุ่มเสน่ห์แรง เป็นหนุ่มหล่อจอมเจ้าชู้แห่งเมืองสาวัตถี เพราะเคยอธิษฐานเอาไว้ในอดีตชาติ

ผู้ชายบางคนมีเสน่ห์แรงมาก ใครเข้าใกล้แล้วก็มีอันต้องรักใคร่ แม้จะเป็นการพบกันเป็นครั้งแรกก็ตาม เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส คือเคยรักใคร่ชอบพอกันมาแต่ปางบรรพ์ หรือเคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาก่อน แต่ในกรณีของนายแขมกะนี้ เขาเคยประกอบกุศลกรรมและได้อธิษฐานจิตเอาไว้ เขาก็จึงเสวยผลจากคำอธิษฐานจิตนั้น และคำอธิษฐานจิตของเขาก็เป็นต้นแบบ ให้พวกผู้ชายเจ้าชู้ในปัจจุบัน นำมาใช้เป็นคาถาอาคม เสกเป่าให้ผู้หญิงรักใคร่หลงใหล

เรื่องนี้ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็น เมื่อคราวที่พระศาสดา ประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า จตฺตาริ ฐานานิ เป็นต้น

ในอรรถกถาพระธรรมบทเล่าเรื่องนี้ไว้ว่า นายเขมกะ นอกจากจะมีชาติตระกูลดี ก็ยังเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ เป็นที่ถูกตาต้องใจของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งแต่อนงค์นางต่างยินยอมพร้อมใจพลีร่างมีเพศสัมพันธ์กับนายเขมะคนนี้ทั้งนั้น นายเขมกะเองก็ชอบเรื่องแบบนี้ด้วย จึงได้ประกอบกิจกรรมที่เรียกว่า “ปรทารกรรม”(เป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น) อยู่เป็นอาจิณ 

พวกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเคยจับนายเขมะในข้อหาเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่นและนำตัวไปถวายเจ้าปเสนทิโกศลถึง 3 ครั้ง แต่พระราชาทรงมีรับสั่งให้ปล่อยตัวไปทุกครั้ง เพราะว่านายเขมะผู้นี้เป็นหลานของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระราชาจึงมีความเกรงใจ เมื่อท่านเศรษฐีทราบเรื่อง ก็ได้นำตัวนายเขมกะเข้าเฝ้าพระศาสดา และกราบทูลว่า “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์โปรดแสดงธรรมแก่นายเขมกะนี้”

พระศาสดาทรงแสดง สังเวคกถา (คำที่ชวนให้เกิดความสลดใจ) และเมื่อจะทรงแสดงโทษในการเสพสมเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่น ได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า 

"จตฺตาริ ฐานานิ นโร ปมตฺโต  อาปชฺชตี ปรทารูปเสวี, อปุญฺญลาภํ น นิกามเสยฺยํ นินฺทํ ตตียํ นิรยํ จตุตฺถํ ฯ อปุญฺญลาโภ จ คตี จ ปาปิกา, ภีตสฺส ภีตาย รตี จ โถกิกา, ราชา จ ทณฺฑํ ครุกํ ปเณติ, ตสฺมา นโร ปรทารํ น เสเว ฯ

คนที่มัวเมา ผิดเมียท่านเป็นนิตย์ ย่อมได้รับเคราะห์ร้าย สี่สถานคือ หนึ่งได้รับบาป สองนอนไม่เป็นสุข สามเสียชื่อเสียง สี่ตกนรก. สถานหนึ่ง ได้บาป สถานสอง ได้ภพชาติชั่วร้ายในอนาคต สถานสาม ทั้งคู่มีสุขชั่วแล่นแต่สะดุ้งใจเป็นนิตย์ สถานสี่ พระราชาย่อมลงโทษอย่างหนัก เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรผิดภริยาของคนอื่น."

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง นายเขมกะ บรรลุโสดาปัตติผล ตั้งแต่นั้นมา มหาชนนอนตาหลับ ไม่ต้องหวาดระแวงว่านายเขมกะจะแอบมาเป็นชู้กับภรรยาของพวกตนอีกต่อไป


คาถามหาเสน่ห์

พระคัมภีร์อรรถกถาธรรมบท ยังได้เล่าถึงบุรพกรรมของนายเขมะว่า ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะนั้น นายเขมะเป็นนักมวยที่เก่งที่สุด และมีความเข้มแข็งมาก ได้ยกธงทอง 2 แผ่นขึ้นไว้ที่สถูปทองคำของพระกัสสปพุทธเจ้า แล้วตั้งความปรารถนาว่า “เว้นหญิงที่เป็นญาติสาโลหิตเสีย หญิงที่เหลือเห็นเราแล้วจงกำหนัด” (ฐเปตฺวา ญาติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา มํ ทิสฺวา รชนฺติ ) เพราะฉะนั้น เมื่อเขาไปเกิดในภพชาติใดก็ตาม หญิงคนใดได้เห็นเขาแล้ว หญิงคนนั้นก็จะเกิดความหลงใหลในความมีเสน่ห์ของเขา จนคุมสติคุมอารมณ์อยู่มิได้

*หมายเหตุ : คำอธิษฐานของนายเขมกะที่เป็นภาษาบาลีว่า "ฐเปตฺวา ญาติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา มํ ทิสฺวา รชนฺติ" นี้ได้กลายเป็นมนต์สร้างเสน่ห์วิเศษ ที่พวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ต้องการสร้างเสน่ห์ให้แก่ตัวเองนำไปท่องบ่นภาวนา.


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: