ผู้ชายบางคนมีเสน่ห์แรงมาก ใครเข้าใกล้แล้วก็มีอันต้องรักใคร่ แม้จะเป็นการพบกันเป็นครั้งแรกก็ตาม เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส คือเคยรักใคร่ชอบพอกันมาแต่ปางบรรพ์ หรือเคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาก่อน แต่ในกรณีของนายแขมกะนี้ เขาเคยประกอบกุศลกรรมและได้อธิษฐานจิตเอาไว้ เขาก็จึงเสวยผลจากคำอธิษฐานจิตนั้น และคำอธิษฐานจิตของเขาก็เป็นต้นแบบ ให้พวกผู้ชายเจ้าชู้ในปัจจุบัน นำมาใช้เป็นคาถาอาคม เสกเป่าให้ผู้หญิงรักใคร่หลงใหล
เรื่องนี้ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็น เมื่อคราวที่พระศาสดา ประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า จตฺตาริ ฐานานิ เป็นต้น
ในอรรถกถาพระธรรมบทเล่าเรื่องนี้ไว้ว่า นายเขมกะ นอกจากจะมีชาติตระกูลดี ก็ยังเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ เป็นที่ถูกตาต้องใจของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งแต่อนงค์นางต่างยินยอมพร้อมใจพลีร่างมีเพศสัมพันธ์กับนายเขมะคนนี้ทั้งนั้น นายเขมกะเองก็ชอบเรื่องแบบนี้ด้วย จึงได้ประกอบกิจกรรมที่เรียกว่า “ปรทารกรรม”(เป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น) อยู่เป็นอาจิณ
พวกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเคยจับนายเขมะในข้อหาเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่นและนำตัวไปถวายเจ้าปเสนทิโกศลถึง 3 ครั้ง แต่พระราชาทรงมีรับสั่งให้ปล่อยตัวไปทุกครั้ง เพราะว่านายเขมะผู้นี้เป็นหลานของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระราชาจึงมีความเกรงใจ เมื่อท่านเศรษฐีทราบเรื่อง ก็ได้นำตัวนายเขมกะเข้าเฝ้าพระศาสดา และกราบทูลว่า “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์โปรดแสดงธรรมแก่นายเขมกะนี้”
พระศาสดาทรงแสดง สังเวคกถา (คำที่ชวนให้เกิดความสลดใจ) และเมื่อจะทรงแสดงโทษในการเสพสมเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่น ได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า
"จตฺตาริ ฐานานิ นโร ปมตฺโต อาปชฺชตี ปรทารูปเสวี, อปุญฺญลาภํ น นิกามเสยฺยํ นินฺทํ ตตียํ นิรยํ จตุตฺถํ ฯ อปุญฺญลาโภ จ คตี จ ปาปิกา, ภีตสฺส ภีตาย รตี จ โถกิกา, ราชา จ ทณฺฑํ ครุกํ ปเณติ, ตสฺมา นโร ปรทารํ น เสเว ฯ
คนที่มัวเมา ผิดเมียท่านเป็นนิตย์ ย่อมได้รับเคราะห์ร้าย สี่สถานคือ หนึ่งได้รับบาป สองนอนไม่เป็นสุข สามเสียชื่อเสียง สี่ตกนรก. สถานหนึ่ง ได้บาป สถานสอง ได้ภพชาติชั่วร้ายในอนาคต สถานสาม ทั้งคู่มีสุขชั่วแล่นแต่สะดุ้งใจเป็นนิตย์ สถานสี่ พระราชาย่อมลงโทษอย่างหนัก เพราะฉะนั้น จึงไม่ควรผิดภริยาของคนอื่น."
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง นายเขมกะ บรรลุโสดาปัตติผล ตั้งแต่นั้นมา มหาชนนอนตาหลับ ไม่ต้องหวาดระแวงว่านายเขมกะจะแอบมาเป็นชู้กับภรรยาของพวกตนอีกต่อไป
คาถามหาเสน่ห์
พระคัมภีร์อรรถกถาธรรมบท ยังได้เล่าถึงบุรพกรรมของนายเขมะว่า ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะนั้น นายเขมะเป็นนักมวยที่เก่งที่สุด และมีความเข้มแข็งมาก ได้ยกธงทอง 2 แผ่นขึ้นไว้ที่สถูปทองคำของพระกัสสปพุทธเจ้า แล้วตั้งความปรารถนาว่า “เว้นหญิงที่เป็นญาติสาโลหิตเสีย หญิงที่เหลือเห็นเราแล้วจงกำหนัด” (ฐเปตฺวา ญาติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา มํ ทิสฺวา รชนฺติ ) เพราะฉะนั้น เมื่อเขาไปเกิดในภพชาติใดก็ตาม หญิงคนใดได้เห็นเขาแล้ว หญิงคนนั้นก็จะเกิดความหลงใหลในความมีเสน่ห์ของเขา จนคุมสติคุมอารมณ์อยู่มิได้
*หมายเหตุ : คำอธิษฐานของนายเขมกะที่เป็นภาษาบาลีว่า "ฐเปตฺวา ญาติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา มํ ทิสฺวา รชนฺติ" นี้ได้กลายเป็นมนต์สร้างเสน่ห์วิเศษ ที่พวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ต้องการสร้างเสน่ห์ให้แก่ตัวเองนำไปท่องบ่นภาวนา.
0 comments: