11. หมวดชรา - OLD AGE
What this laughter, what this joy When the world is ever on fire? Shrouded all about by darkness, Will you not then look for light?
๒. ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ อรุกายํ สมุสฺสิตํ,
อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ฐิติ ฯ๑๔๗ฯ
จงดูร่างกายที่ว่าสวยงามนี้เถิด เต็มไปด้วยแผล สร้างขึ้นด้วยกระดูก มากด้วยโรค มากด้วยความคร่นคิดปรารถนา หาความยั่งยืนถาวรมิได้
Behold this beautiful body, A mass of sores, a bone-gathering, Diseased and full of hankerings, With no lasting, no persisting.
๓. ปริชิณฺษมิทํ รูปํ โรคนิฑฺฒํ ปภงฺคุณํ,
ภิชฺชติ ปูติสนฺเทโห มรณนฺตํ หิ ชีวิตํ ฯ๑๔๘ฯ
ร่างกายนี้แก่หง่อมแล้ว เป็นที่อาศัยของโรค แตกทำลายง่าย ร่างกายอันเน่าเหม็นนี้ จักแตกสลายพังภินท์ เพราะขีวิตสิ้นสุดลงที่ความตาย
Thoroughly worn out is this body, A net of diseases and very frail. This heap of corruption breaks to pieces. For life indeed ends in death.
๔. ยานีมานิ อปตฺถานิ อลาพูเนว สารเท,
กาโปตกานิ อฏฺฐีนิ ตานิ ทิสฺวาน กา รติ ฯ๑๔๙ฯ
กระดูกเหล่านี้ มีสีขาวเหมือนสีนกพิราบ ไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ ดุจน้ำเต้าในฤดูสารท ดูแล้วไม่น่าปรารถนายินดี
As gourds are cast away in autumn, So are these dove-hued bones. What pleasure is there found For one who looks at them?
๕. อฏฺฐีนํ นครํ กตํ มํสโลหิตเลปนํ,
ยตฺถ ชรา จ มจฺจุ จ มาโน มกฺโข จ โอหิโต ฯ๑๕๐ฯ
ร่างกายนี้เป็น "อัฐินคร" (เมืองกระดูก) ฉาบด้วยเนื้อและโลหิต เป็นที่สถิตแห่ง ชรา มรณะ ความเย่อหยิ่ง และความดูถูกบุญคุณกัน
Of bones is this city made, Plastered with flesh and blood. Herein dwell decay and death, Pride and detraction.
๖. ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา,
อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ,
สตญฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ,
สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ ฯ๑๕๑ฯ
ราชรถ อันวิจิตรงดงาม ยังเก่าได้ แม้ร่างกายของเรา ก็ไม่พ้นชราภาพ แต่ธรรมของสัตบุรุษหาแก่ไม่ สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมกล่าวสอนกันเช่นนี้แล
Splendid royal chariots wear away, The body too comes to old age. But the good's teaching knows not decay. Indeed, the good tech the good in this way.
๗. อปฺปสฺสุตายํ ปุริโส พลิวทฺโทว ชีรติ,
มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺติ ปญฺญา ตสฺส น วฑฺฒติ ฯ๑๕๒ฯ
คนโง่แก่เปล่า เหมือนโคถึก มากแต่เนื้อหนังมังสา แต่ปัญญาหาเพิ่มขึ้นไม่
Just as the ox grows old, So ages he of little learning, His flesh increases, His wisdom is waning.
๘. อเนกชาติสํสารํ สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ,
คหการํ คเวสนฺโต ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ ฯ๑๕๓ฯ
เมื่อไม่พบนายช่างผู้สร้างเรือน เราได้เวียนว่ายตายเกิด ในสงสารนับชาติไม่ถ้วน การเกิดแล้วเกิดอีกเป็นทุกข์
Through many a birth I wandered in Samsara, Seeking but not finding the Housebuilder, Painful is birth ever again and again.
๙. คหการก ทิฏฺโฐสิ ปุน เคหํ น กาหสิ,
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา คหกูฏํ วิสงฺขตํ,
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา ฯ๑๕๔ฯ
นายช่างเอย บัดนี้เราพบท่านแล้ว ท่านจะสร้างเรือนไม่ได้อีก จันทัน อกไก่ เราทำลายหมดแล้ว จิตของเราบรรลุนิพพาน หมดความทะยานอยากแล้ว
Oh! Housebuilder, you have been seen, You shall not build the house again. Your rafters have been broken, Your ridge-pole demolished too. My mind has now attained the Unconditioned, And reached the end of all craving.
๑๐. อจริตฺวา พฺรหฺมจริยํ อลทฺธา โยพฺพเน ธนํ,
ชิณฺณโกญฺจาว ฌายนฺติ ขีณมจฺเฉว ปลฺลเล ฯ๑๕๕ฯ
เมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ไม่ทำตัวให้ดีและไม่หาทรัพย์ไว้ พอถึงวัยแก่เฒ่า พวกเขาย่อมนั่งซบเซา เหมือนนกกะเรียนแก่ จับเจ่าอยู่ริมสระที่ไร้ปลา
Having led neither a good life, Nor acquired riches while young, They pine away as aged herons Around a fishless pond.
๑๑. อจริตฺวา พฺรหฺมจริยํ อลทฺธา โยพฺพเน ธนํ,
เสนฺติ จาปาติขีณาว ปุราณานิ อนุตฺถุนํ ฯ๑๕๖ฯ
เมื่ออยู่ในวัยหนุ่มสาว ไม่ทำตัวให้ดี และไม่หาทรัพย์ไว้ พอถึงวัยแก่เฒ่า พวกเขาย่อมนอนทุกข์ ทอดถอนใจรำพึงถึงความหลัง เหมือนธนูหัก (ใช้ยิงอะไรก็ไม่ได้)
Having led neither a good life, Nor acquired riches while young, They lie about like broken bows, Sighing about the past.
ขอขอบคุณที่มา : http://www.dhammathai.org
0 comments: