สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตนเองและสังคม คือการกระทำที่ทำไปแล้วสร้างความเดือดร้อนแก่ตนเองและสังคม นั่นก็คือกรรมชั่วนั่นเอง กรรมชั่ว เมื่อทำไปแล้ว นอกจากจะไม่สร้างประโยชน์ให้แก่ตนเองและสังคมแล้ว ยังสร้างความฉิบหายให้ด้วย
ความฉิบหายที่เกิดจากความชั่วที่สามารถเห็นได้ในปัจจุบันก็คือ เมื่อทำชั่วแล้วย่อมถูกตำหนิติเตียนบ้าง ถูกดำเนินการทางกฏหมายจนถึงขั้นต้องติดคุกบ้าง โดนประหารชีวิตบ้าง ส่วนความฉิบหายที่เกิดในอนาคตก็คือการที่จะต้องไปรับใช้กรรมในทุคติภูมิ ความชั่วนี่เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายนัก เพราะโดยธรรมดาจิตใจของเรานั้นย่อมถูกกิเลสครอบงำอยู่ตลอด จึงทำชั่วตามที่กิเลสสั่งการได้ตลอดเวลา หากต้องการหลุดพ้นจากอำนาจของกิเลส ก็ต้องใช้ความพยายาม ใช้ความข่มใจเป็นอันมาก จึงจะสามารถพ้นจากอำนาจของกิเลสได้
---------
เรื่องกระเสือกกระสนเพื่อจะทำลายสงฆ์
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภการกระเสือกกระสนเพื่อจะทำลายสงฆ์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "สุกรานิ" เป็นต้น.
พระเทวทัตพยายามทำลายสงฆ์
ความพิสดารว่า พระเทวทัตกระเสือกกระสนเพื่อจะทำลายสงฆ์ วันหนึ่ง เห็นท่านพระอานนท์เที่ยวบิณฑบาตอยู่ บอกความประสงค์ของตนแล้ว. พระเถระฟังข่าวนั้นแล้วไปสู่สำนักของพระศาสดา ได้ทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "พระเจ้าข้า เวลาเช้า ข้าพระองค์ครองสบงที่เวฬุวันนี้แล้ว ถือบาตรจีวรเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์เพื่อบิณฑบาต พระเจ้าข้า พระเทวทัตได้เห็นข้าพระองค์เที่ยวบิณฑบาตอยู่ในกรุงราชคฤห์แล้วแล ตามเข้าไปหาข้าพระองค์ ได้กล่าวคำนี้ว่า ‘อาวุโส อานนท์ จำเดิมแต่วันนี้ ฉันจักทำอุโบสถและสังฆกรรมแยกจากพระผู้มีพระภาคเจ้า แยกจากภิกษุสงฆ์, ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า วันนี้ พระเทวทัตจักทำลายสงฆ์ คือจักทำอุโบสถและสังฆกรรม."
ความดีคนดีทำง่าย
เมื่อท่านพระอานนท์กราบทูลอย่างนั้นแล้ว พระศาสดาทรงเปล่งพระอุทานว่า :- ความดีคนดีทำง่าย ความดีคนชั่วทำยาก, ความชั่วคนชั่วทำง่าย ความชั่วอริยบุคคลทำได้ยาก แล้วตรัสว่า "อานนท์ ขึ้นชื่อว่ากรรมอัน ไม่เป็นประโยชน์แก่ตนทำได้ง่าย กรรมอันเป็นประโยชน์แก่ตนทำยากนักหนา" แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า :-
สุกรานิ อสาธูนิ อตฺตโน อหิตานิ จ, ยํ เว หิตญฺจ สาธุญฺจ ตํ เว ปรมทุกฺกรํ. กรรมอันไม่ดีและไม่เป็นประโยชน์แก่ตน คนทำง่าย; กรรมใดแลเป็นประโยชน์แก่ตนและดี, กรรมนั้นแล ทำยากอย่างยิ่ง.
แก้อรรถ ความแห่งพระคาถานั้นว่า "กรรมเหล่าใดไม่ดี คือมีโทษและเป็นไปเพื่ออบาย ชื่อว่าไม่เป็นประโยชน์แก่ตนเพราะทำนั่นแล กรรมเหล่านั้นทำง่าย. ฝ่ายกรรมใด ชื่อว่าเป็นประโยชน์แก่ตนเพราะทำ และชื่อว่าดี ด้วยอรรถว่าหาโทษมิได้ คือเป็นไปเพื่อสุคติ และเป็นไปเพื่อพระนิพพาน กรรมนั้นทำแสนยาก ราวกับทดน้ำแม่คงคาอันไหลไปทิศตะวันออก ทำให้ไหลกลับฉะนั้น." ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากได้บรรลุโลกุตรผล มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล. เรื่องกระเสือกกระสนเพื่อจะทำลายสงฆ์ จบ.
ที่มา : https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=22&p=7
0 comments: