“ผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเองได้ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต”
ในวันนี้ขอยกเอาสีหเสนาปติสูตร (ว่าด้วยสีหเสนาบดี) มาแสดงเป็นอุทาหรณ์ ในความจริงที่ว่า “ผลแห่งทานนั้น เราจะพึงเห็นเองได้ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต” และเราเห็นเองได้อย่างไรบ้าง ? ในข้อนี้พวกเราพึงศึกษากันให้เข้าใจ เพื่อความเจริญยิ่งแห่งศรัทธาในการทำบุญให้ทานให้ยิ่งๆ ขึ้นไปเถิด
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตกรุงเวสาลี ครั้งนั้นแล สีหเสนาบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า “พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเองได้ไหม”
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสตอบว่า “ได้ สีหะ” แล้วได้ตรัสต่อไปว่า
“สีหะ (๑) ทายก ทานบดี ย่อมเป็นที่รักที่พอใจของคนหมู่มาก แม้ข้อนี้ก็เป็นผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเอง
(๒) สัตบุรุษผู้สงบย่อมคบหาทายก ทานบดี แม้ข้อนี้ก็เป็นผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเอง
(๓) กิตติศัพท์อันงามของทายก ทานบดี ย่อมขจรไป แม้ข้อนี้ก็เป็นผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเอง
(๔) ทายก ทานบดี จะเข้าไปสู่บริษัทใดๆ จะเป็นขัตติยบริษัทก็ตาม พราหมณบริษัทก็ตาม คหบดีบริษัทก็ตาม สมณบริษัทก็ตาม ก็เป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เก้อเขินเข้าไป แม้ข้อนี้ก็เป็นผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเอง
(๕) ทายก ทานบดี หลังจากตายแล้วจะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ แม้ข้อนี้ก็เป็นผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเองในภพหน้า”
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว สีหเสนาบดีจึงกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่เพียงเชื่อต่อพระผู้มีพระภาค ในเรื่องผลแห่งทาน ๔ ประการ ที่พระผู้มีพระภาคตรัสบอกแล้วนี้เท่านั้น แต่ยังทราบอีกด้วย คือ ข้าพระองค์เป็นทายก เป็นทานบดี ย่อมเป็นที่รักที่พอใจของคนหมู่มาก, สัตบุรุษผู้สงบย่อมคบหาข้าพระองค์ผู้เป็นทายกเป็นทานบดี, กิตติศัพท์อันงามของข้าพระองค์ผู้เป็นทายกเป็นทานบดี ย่อมขจรไปว่า ‘สีหเสนาบดีเป็นทายก เป็นผู้รับใช้ เป็นผู้บำรุงพระสงฆ์’, ข้าพระองค์ผู้เป็นทายก เป็นทานบดี จะเข้าไปสู่บริษัทใดๆ จะเป็นขัตติยบริษัทก็ตาม พราหมณบริษัทก็ตาม คหบดีบริษัทก็ตาม สมณบริษัทก็ตาม ก็เป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เก้อเขินเข้าไป,
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่เพียงเชื่อต่อพระผู้มีพระภาคในเรื่องผลแห่งทาน ๔ ประการที่พระผู้มีพระภาคตรัสบอกแล้วนี้เท่านั้น แต่ยังทราบอีกด้วย ส่วนผลแห่งทานที่จะพึงเห็นเองประการที่ ๕ ที่พระผู้มีพระภาคตรัสบอกข้าพระองค์อย่างนี้ว่า ‘ทายก ทานบดี หลังจากตายแล้วจะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์’ นั้นข้าพระองค์ยังไม่ทราบ แต่ข้าพระองค์ก็เชื่อต่อพระผู้มีพระภาคในเรื่องนี้”
พระผู้มีพระภาคตรัสย้ำว่า “ข้อนั้นเป็นอย่างนั้น สีหะ ข้อนั้นเป็นอย่างนั้นสีหะ คือ ทายก ทานบดี หลังจากตายแล้วจะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์”
(มีคาถาประพันธ์ไว้ว่า)
นรชนผู้ไม่ตระหนี่ ให้ทานอยู่ ย่อมเป็นที่รักของคนหมู่มาก
คนหมู่มากย่อมคบหานรชนนั้น เขาย่อมได้รับเกียรติ เจริญด้วยยศ
เป็นผู้ไม่เก้อเขิน แกล้วกล้าเข้าสู่บริษัท เพราะเหตุนั้นแล บัณฑิตทั้งหลายผู้หวังสุข
จงขจัดความตระหนี่อันเป็นมลทินแล้วให้ทาน บัณฑิตเหล่านั้น ย่อมดำรงในไตรทิพย์
ถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับเทวดา รื่นเริงอยู่ตลอดกาลนาน
บัณฑิตเหล่านั้นได้โอกาสบำเพ็ญกุศลแล้ว ละโลกนี้ไป ย่อมมีรัศมีเปล่งปลั่ง
เที่ยวชมไปในอุทยานชื่อนันทวัน เพียบพร้อมด้วยกามคุณ ๕
เพลิดเพลิน รื่นเริง บันเทิงอยู่ในนันทวันนั้น สาวกทั้งปวงของพระสุคตผู้ไม่มีกิเลส ผู้คงที่
ทำตามพระดำรัสของพระองค์แล้ว ย่อมรื่นเริงในสวรรค์ ดังนี้แล.
ทายก ในที่นี้หมายถึง ผู้แกล้วกล้าในการให้ทาน คือ ไม่ใช่มีเพียงศรัทธาเท่านั้น แต่กล้าที่จะบริจาคได้ด้วย
ทานบดี ในที่นี้หมายถึง ผู้เป็นใหญ่ในทาน คือให้ของที่ดีกว่าของที่ตนบริโภค (องฺ.ปญฺจก.อ. ๓/๓๔/๒๒)
สาระธรรมจากสีหเสนาปติสูตร อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)
6/12/64
"วัดอ่าวน้อย" จ.ประจวบคีรีขันธ์
ชมโบสถ์ไม้สักทองทั้งหลัง ตกแต่งอย่างปราณีตบรรจง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปและจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม วัดตั้งอยู่ใกล้ทะเล มีถ้ำพระนอนและจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นท้องทะเลอ่าวประจวบ
0 comments: