วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2564

"เสียงที่ควรฟังจากหลวงพ่อพยอม"

"เสียงที่ควรฟังจากหลวงพ่อพยอม"

วันนี้ท่านมหาสมปอง เข้าไปกราบลาหลวงพ่อพยอมเพื่อลาสิกขา โบราณว่า ฟ้าจะร้อง คนจะคลอด พระจะสึก ห้ามไม่ได้   ท่านสมปอง และก่อนหน้านี้คือท่านไพรวัลย์ได้เลือกทางชีวิตของตนเองแล้ว

เสียงแว่วจากวัดสวนแก้ว กับข้อกังวลของหลวงพ่อพยอม คือ อาจเกิดปรากฎการณ์เลือดไหลในวงการสงฆ์ 

โดยส่วนตัวผมค่อนข้างเชื่อสิ่งที่หลวงพ่อพยอมพูด ไม่ใช่ว่าคนพูดคือหลวงพ่อพยอม แต่เพราะผมเองก็วิเคราะห์ปรากฎการณ์มาตลอด ก็เห็นเช่นเดียวกันนั้น

สิ่งที่ผมเชื่อว่าพระสงฆ์รุ่นใหม่ๆ หัวก้าวหน้า คงจะขอเลือกทางเลือกที่มีคุณค่ากับชีวิตตนเองมากกว่าการอยู่ในคณะสงฆ์ คือ

1. การพยายามส่งเสียง เพื่อให้เกิดการรับฟังถึงปัญหา นอกจากไม่ได้รับการรับฟังจากผู้ใหญ่แล้ว ยังถูกมองเป็นพวกก้าวร้าว พูดความจริงมาก ยิ่งทำให้ได้รับผลกระทบมาก ท่านไพรวัลย์ เป็นบทเรียนที่ชัดเจน

2. การพยายามปรับตัว แต่ถูกกดทับให้อยู่แบบอนุรักษ์แบบเก่า พระสงฆ์รุ่นใหม่จำนวนมาก สามารถปรับตัวได้กับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ใช้ความร่วมสมัยในการเผยแพร่ธรรมตามลีลาและโวหารที่ตนถนัด กรณีนี้นอกจากจะไม่ได้รับการชื่นชมแล้ว ยังกลายเป็นแกะดำในวงการไปซะอีก ท่านมหาสมปอง เป็นบทเรียนที่ชัดเจน

3. การมองไม่เห็นหนทางก้าวหน้าในทางคณะสงฆ์ที่คาดหวังจากการศึกษา สมัยก่อน จบ ป.ธ.๙ คือบันไดขั้นแรกที่จะก้าวหน้าในวงการคณะสงฆ์  คณะสงฆ์ยกย่องผู้สอบผ่านบาลีขั้นสูงสุด ตำแหน่งทางคณะสงฆ์แม้ไม่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ถือกันเป็นจารีตว่าต้องเปิดทางให้ ป.ธ.๙ เขาได้เจริญก้าวหน้าก่อน แต่ปัจจุบันนี้ดูย้อนแย้งกับในอดีต  เมื่อไม่เห็นหนทางก้าวหน้า ก็คงต้องหาทางเลือกอื่น

4. ความระแวงต่อภัยจากกระบวนการใช้อำนาจรัฐ ผมคิดว่า เหตุการณ์ที่เกิดกับพระมหาเถระระดับกรรมการ มส. น่าจะเป็นฝันร้ายของพระสงฆ์  การจับสึกไว้ก่อน มาตอนหลังศาลพิพากษาไม่มีความผิด วันนี้จึงอยู่กันแบบระแวง

5. ความไม่รู้สึกอบอุ่นดังเดิม วงการสงฆ์นั้นถือหลักเคารพกันตามอาวุโส และความเป็นศิษยานุศิษย์ แม้จะขุ่นเคืองกันบ้าง แต่ไม่ฟาดฟันกันแบบเอาเป็นเอาตาย แต่ปัจจุบันบรรยากาศที่ว่ามามันเจือจางแบบอธิบายไม่ถูก

จากปัจจัยที่ผมกล่าวมา  ผมจึงเชื่อแบบหลวงพ่อพยอม เลือดจะไหลจากคณะสงฆ์อีกมากมาย

Credit: Boonlert Chuaythanee





Previous Post
Next Post

0 comments: