"เสียงที่ควรฟังจากหลวงพ่อพยอม"
วันนี้ท่านมหาสมปอง เข้าไปกราบลาหลวงพ่อพยอมเพื่อลาสิกขา โบราณว่า ฟ้าจะร้อง คนจะคลอด พระจะสึก ห้ามไม่ได้ ท่านสมปอง และก่อนหน้านี้คือท่านไพรวัลย์ได้เลือกทางชีวิตของตนเองแล้ว
เสียงแว่วจากวัดสวนแก้ว กับข้อกังวลของหลวงพ่อพยอม คือ อาจเกิดปรากฎการณ์เลือดไหลในวงการสงฆ์
โดยส่วนตัวผมค่อนข้างเชื่อสิ่งที่หลวงพ่อพยอมพูด ไม่ใช่ว่าคนพูดคือหลวงพ่อพยอม แต่เพราะผมเองก็วิเคราะห์ปรากฎการณ์มาตลอด ก็เห็นเช่นเดียวกันนั้น
สิ่งที่ผมเชื่อว่าพระสงฆ์รุ่นใหม่ๆ หัวก้าวหน้า คงจะขอเลือกทางเลือกที่มีคุณค่ากับชีวิตตนเองมากกว่าการอยู่ในคณะสงฆ์ คือ
1. การพยายามส่งเสียง เพื่อให้เกิดการรับฟังถึงปัญหา นอกจากไม่ได้รับการรับฟังจากผู้ใหญ่แล้ว ยังถูกมองเป็นพวกก้าวร้าว พูดความจริงมาก ยิ่งทำให้ได้รับผลกระทบมาก ท่านไพรวัลย์ เป็นบทเรียนที่ชัดเจน
2. การพยายามปรับตัว แต่ถูกกดทับให้อยู่แบบอนุรักษ์แบบเก่า พระสงฆ์รุ่นใหม่จำนวนมาก สามารถปรับตัวได้กับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ใช้ความร่วมสมัยในการเผยแพร่ธรรมตามลีลาและโวหารที่ตนถนัด กรณีนี้นอกจากจะไม่ได้รับการชื่นชมแล้ว ยังกลายเป็นแกะดำในวงการไปซะอีก ท่านมหาสมปอง เป็นบทเรียนที่ชัดเจน
3. การมองไม่เห็นหนทางก้าวหน้าในทางคณะสงฆ์ที่คาดหวังจากการศึกษา สมัยก่อน จบ ป.ธ.๙ คือบันไดขั้นแรกที่จะก้าวหน้าในวงการคณะสงฆ์ คณะสงฆ์ยกย่องผู้สอบผ่านบาลีขั้นสูงสุด ตำแหน่งทางคณะสงฆ์แม้ไม่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ถือกันเป็นจารีตว่าต้องเปิดทางให้ ป.ธ.๙ เขาได้เจริญก้าวหน้าก่อน แต่ปัจจุบันนี้ดูย้อนแย้งกับในอดีต เมื่อไม่เห็นหนทางก้าวหน้า ก็คงต้องหาทางเลือกอื่น
4. ความระแวงต่อภัยจากกระบวนการใช้อำนาจรัฐ ผมคิดว่า เหตุการณ์ที่เกิดกับพระมหาเถระระดับกรรมการ มส. น่าจะเป็นฝันร้ายของพระสงฆ์ การจับสึกไว้ก่อน มาตอนหลังศาลพิพากษาไม่มีความผิด วันนี้จึงอยู่กันแบบระแวง
5. ความไม่รู้สึกอบอุ่นดังเดิม วงการสงฆ์นั้นถือหลักเคารพกันตามอาวุโส และความเป็นศิษยานุศิษย์ แม้จะขุ่นเคืองกันบ้าง แต่ไม่ฟาดฟันกันแบบเอาเป็นเอาตาย แต่ปัจจุบันบรรยากาศที่ว่ามามันเจือจางแบบอธิบายไม่ถูก
จากปัจจัยที่ผมกล่าวมา ผมจึงเชื่อแบบหลวงพ่อพยอม เลือดจะไหลจากคณะสงฆ์อีกมากมาย
Credit: Boonlert Chuaythanee
0 comments: