สิ่งอัศจรรย์เดียวที่พระพุทธเจ้ายกย่องคือ คำสอนที่ปฏิบัติแล้วเห็นผลพ้นทุกข์ได้จริง
[ณ สวนมะม่วงของปาวาริกเศรษฐี ใกล้เมืองนาลันทา เกวัฏฏะ ลูกคฤหบดีได้กล่าวกับพระพุทธเจ้าว่า]
ก: เมืองนาลันทานี้มั่งคั่งสมบูรณ์ มีผู้คนมากมาย และมีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า แต่เพื่อให้ชาวนาลันทาเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น ขอท่านโปรดสั่งให้ภิกษุสักรูปหนึ่งแสดงปาฏิหาริย์ (สิ่งอัศจรรย์) อันเป็นสิ่งสูงสุดที่มนุษย์พึงทำได้ด้วยเถิด
พ: เกวัฏฏะ เราไม่ได้สอนให้ภิกษุทั้งหลายแสดงปาฏิหาริย์
[เกวัฏฏะได้รบเร้าอีกสองครั้ง พระพุทธเจ้าก็ยังยืนยันคำเดิม และกล่าวเพิ่มเติมว่า]
พ: เกวัฏฏะ มีปาฏิหาริย์ 3 อย่างที่เราทำได้ด้วยปัญญาของเราเอง คือ อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ทั้ง 3 อย่างนี้คืออะไร
อย่างแรก อิทธิปาฏิหาริย์ คือ การแยกร่าง หายตัว ทะลุกำแพงภูเขา ดำดิน เดินบนน้ำ เหาะบนฟ้า ลูบดวงดาว หรือใช้อำนาจกายไปถึงพรหมโลกได้
ถ้าคนที่เขาศรัทธาในพุทธศาสนาได้เห็น ก็จะบอกว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ แต่คนที่เขาไม่ศรัทธาก็จะบอกว่า พวกฤาษีก็ทำได้ ชื่อวิชาคันธารี เราไม่สนับสนุนอิทธิปาฏิหาริย์นี้
อย่างที่สอง อาเทสนาปาฏิหาริย์ คือ การอ่านจิตผู้อื่น รู้ได้ว่าสัตว์หรือมนุษย์นั้นมีสภาวะจิตเป็นอย่างไร มีราคะ โทสะ โมหะ หดหู่ ฟุ้งซ่าน มีสมาธิ หรือหลุดพ้นแล้วหรือไม่
ถ้าคนที่เขาศรัทธาในพุทธศาสนาได้เห็น ก็จะบอกว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ แต่คนที่เขาไม่ศรัทธาก็จะบอกว่า พวกฤาษีก็ทำได้ ชื่อวิชามณิกา เราไม่สนับสนุนอาเทสนาปาฏิหาริย์นี้
แต่อย่างที่สาม อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เป็นปาฏิหาริย์ที่ควรส่งเสริม ซึ่งก็คือ คำสอนของศาสนานี้ที่เป็นเรื่องจริง สอนให้เห็นได้จริง และเมื่อนำไปปฏิบัติก็จะเกิดผลขึ้นจริง อันเป็นไปเพื่อการรู้แจ้งและการพ้นทุกข์
_______
ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 12 (พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค ภาค 1 เล่ม 2 เกวัฏฏสูตร), 2559, น.215-218
0 comments: