วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2564

“หมดศรัทธากับสำนักพุทธฯ แต่ไม่หมดศรัทธาพุทธศาสนา”

เป็นการสึกที่ได้รับความสนใจมาก …
อดีตพระไพรวัลย์เปิดใจหลังสึก 

“หมดศรัทธากับสำนักพุทธฯ แต่ไม่หมดศรัทธาพุทธศาสนา”

มหาไพรวัลย์ วรรณบุตร เปิดใจว่า ตอนแรกจะสึกวันที่ 4 ธ.ค. แต่กลัวสื่อตามมาเลยตัดสินใจสึกวันนี้ 3 ธ.ค.แทน โดยสาเหตุที่สึกมีหลายเงื่อนไข โดยเฉพาะเรื่องแม่ วันนี้แม่ต้องเข้าผ่าตัดใหญ่ที่ก้อนเนื้อมะเร็ง จึงอยากไปให้กำลังใจ แม่ผ่าตัดเสร็จจะได้ดูแลแม่ยาวๆ ส่วนเรื่องรักษาการเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองก็เป็นประเด็นหนึ่ง บวกกับแม่ป่วยมะเร็งและเวลาเหลือน้อย จึงตัดสินใจออกมาทำหน้าที่ดูแลท่าน ซึ่งการบวชมา 18 ปี ทำให้ยังต้องปรับตัว

เมื่อถามว่าจะสึกมาคิดบัญชีใช่หรือไม่ มหาไพรวัลย์ กล่าวว่า ขอใช้คำว่า เริ่มมาใช้ชีวิตฆราวาส ไม่ได้เปิดศึกกับใคร แต่หากมีเรื่องที่พูดแทนพระสงฆ์ได้ก็จะทำ โดยจะพูดตรงๆ ด้วย เดี๋ยวเจอกันครับ

“สังคมสงฆ์ตอนนี้ คับแคบกว่าฆราวาส เพราะเราทำอะไรที่เป็นตัวตนของเราไม่ได้ ด้วยกฎระเบียบบางอย่าง จึงคิดว่าสึกดีกว่า วงการสงฆ์ก็มีการเมือง อย่างที่ตอนบวชก็เจอเรื่องร้องเรียนมากมาย มีจีวรไม่พอ ยังเอาปลอกคอมาใส่ให้อีก ยังเอามติมาบีบกันอีก ไม่ควรใช้อำนาจมาแทนความเป็นธรรม”

“ถ้าผู้ใหญ่ที่มีอยู่ ทำให้เราไม่อยากก้มหัวให้ แต่ถ้าเป็นพระมีคุณธรรมและเป็นผู้ใหญ่ เราก็อยากอยู่ แต่บางเรื่องมันไม่ใช่ ยืนยันจะไม่กลับไปบวชอีก ชีวิตต้องไปต่อ ตัดสินใจไม่นานว่าจะสึก ไม่รู้จะเสียดายเวลาอะไร เพราะที่เราเรียนมาก็ยังอยู่ แค่ความเป็นพระหายไปเท่านั้น เรายังรู้ธรรมะคืออะไร”

“ถ้าจะให้พูดสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติก็ต้องจัด แต่เรื่องคณะสงฆ์ขอไม่พูด เรื่องของผมที่ถูกร้องให้สอบ พบถูกร้องโดยสำนักพุทธฯ ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ โดยต้องทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา จึงอยากให้เอาคนในสำนักพุทธฯ มาบวชบ้าง ก็แค่เป็นพวกหัวดำอยากคุมหัวโล้น”

มหาไพรวัลย์ รับว่า ตอนนี้หมดศรัทธากับคณะสงฆ์ พระผู้ใหญ่บางรูป เพราะรู้สึกแย่มาก แต่กับคำสอนของพระพุทธศาสนายังเต็มร้อย ไม่เคยหมดศรัทธากับศาสนา เพราะยังมีครูบาอาจารย์ที่ยังเคารพอยู่ 

“การสึกออกมาไม่ได้จะออกมาแฉ เพราะไม่ได้เป็นคนเลวร้ายขนาดนั้น ซึ่งถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว จะไม่ยุ่ง แต่หากเป็นประเด็นสาธารณะ การใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม การใช้กฎหมายจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จากมหาเถรสมาคม ตนเองสามารถจะเป็นส่วนหนึ่งในการออกมาคอลเอาต์เตือน และพูดถึงได้”

มหาไพรวัลย์ยืนยันว่า หากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯทำอะไรไม่เหมาะ จะขอเป็นหนึ่งในชาวพุทธที่จะออกมาคอลเอาต์การใช้อำนาจของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแน่ เพราะก็เป็นองค์กรหนึ่งที่อยู่ได้ด้วยภาษีของประชาชน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทำหน้าที่ตรวจสอบพระ ก็อยากจะให้ชาวพุทธทำหน้าที่ตรวจสอบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติบ้างว่าทำถูกต้องหรือไม่ ใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่

มหาไพรวัลย์ย้ำว่า ที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทำไม่เหมาะสม เพราะสำนักพุทธศาสนาฯ ทำหน้าที่เป็นองค์กรทางการเมือง โดยก่อนที่ตนจะสึก คนที่เป็นโจทก์ยื่นสอบตน ก็คือสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ตนมองว่ามันไม่ใช่หน้าที่ เป็นเหมือนหอกข้างแคร่ ส่วนประเด็นที่ตนเองถูกตรวจสอบขณะเป็นพระคือไลฟ์ไม่สำรวม หัวเราะมากไป รีวิวสินค้ามากไป แต่ตอนนี้สึกแล้วจะจัดเต็มตอนไลฟ์แน่นอน 

ส่วนประเด็นถูกกล่าวหามีเงิน 300 ล้าน มหาไพรวัลย์ กล่าวว่า ดีนะขอโทษแล้ว ไม่งั้นฟ้องไปแล้ว แต่สงสารนักข่าว ช่องก็ลอยนวล เรารู้ว่าไม่ชอบเรา แต่ต้องเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง คิดว่าเราเป็นอะไร เจ้ามือหวยใต้ดินหรือ เงินทองก็ไม่ได้เยอะอะไร หนังสือธรรมะเอาไว้ก็คงไม่มีใครอ่าน จึงขอเอากลับมา ทรัพย์สินที่ได้ตอนบวชก็แค่ตอนทำกับพระมหาสมปอง ในช่วงที่เราไปให้ความรู้คนอื่น ซึ่งของไม่ได้เยอะขนาดนั้น”

มหาไพรวัลย์ ยืนยันว่าจะไม่ลงการเมือง จะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่จะพูดอะไรที่เกี่ยวกับความเป็นธรรมทางสังคมในฐานะบุคคล ไม่ใช่พูดในฐานะตำแหน่งทางการเมือง

ชีวิตจากนี้จะใช้ช่องทางที่พอมีทางออนไลน์ ในเพจที่มีคนติดตามอยู่มาก เป็นต้นทุนในการทำมาหากินได้ และที่เคยทำรายการกับพระมหาสมปอง ก็ยังเป็นพิธีกรร่วมกันอยู่

Credit: สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

ภาพ : fb page - ไพรวัลย์ วรรณบุตร












Previous Post
Next Post

0 comments: