วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ประโยชน์​การอุปมา​อันได้จากการศึกษา​คัมร์ในทางพุทธศาสนา มีคัมภีร์​มิลินท์​ปัญหาเป็นต้น​

ประโยชน์​การอุปมา​อันได้จากการศึกษา​คัมร์ในทางพุทธศาสนา มีคัมภีร์​มิลินท์​ปัญหาเป็นต้น​

สมเกียรติ พลเดชอุดมคุณ

มีเพื่อนผู้ใคร่ในธรรม​ ถามมาว่า​ ประโยชน์​การอุปมา​อันได้จากการศึกษา​คัมภีร์​มิลินท์​ปัญหา​ก็ดี​ ประโยชน์​การหักล้าง​ข้อมูล​อันได้จากการศึกษาคัมภีร์กถาวัตถุก็ดี​ ประโยชน์​การตรวจสอบ​ข้อมูล​ทั้งหมด​ด้วย​ บท​ 12 หาระ 16 มูล​ 18 นัย​ 5​ สาสนปัฏฐาน​ 16,28 อันได้จากการศึกษา​คัมภีร์​เนตติปกรณ์​ก็ดี​ ล้วนแล้วแต่​เป็นตัว​อย่างเรื่องในยุคอดีตทั้งสิ้น​ ถามว่า​ แล้วที่เป็นเรื่องในยุค​ปัจจุบัน​มีให้เห็นบ้างไหม?

ตอบว่า​ มีครับ​ เช่น​ การสอนว่า​ อนุสัยกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในใจ​ ก็เหมือน​ตะกอน​ที่นอนอยู่​ที่ก้นภาชนะ​ พอเขย่าภาชนะก็ฟุ้งขึ้นมาเป็นปริยุฏฐานกิเลส​ที่กุ้มรุม​อยู่​ในใจ​ ครั้นพอเขย่า​ ภาชนะแรงเพิ่มขึ้นอีก​ ก็ล่วงหล่นออกจากภาชนะ​ คือก้าวล่วงออกมาทางกายและทางวาจาเป็นวีติกกมกิเลส​ การกำจัดกิเลสด้วยอุปมาและข้อมูลเช่นนี้​ จึงหมายเอา​ ขณะที่ล่วงออกมาทางกายและทางวาจา​ เพราะง่ายและสะดวก​ แต่ความเป็นจริง​ อนุสัยกิเลส, ปริยุฏฐานกิเลส, วีติกกมกิเลส, ต่างก็ล้วนเป็นกิเลสคนละประเภท​ จึงมีธรรมที่เป็นปฏิปักษ์​ต่างกัน​ กล่าวคือ​ อนุสัยกิเลสมีปัญ​ญาเป็นปฏิปักษ์​ ปริยุฏฐาน​กิเลส​มีสมาธิเป็นปฏิปักษ์​ วีติกกมมีศีลเป็นปฏิปักษ์​ ดังนั้น​การ​อุปมา​และการให้ข้อมูล​ที่ถูกต้อง​ ท่านโบราณาจารย์​จึงอุปมาว่า​ อนุสัย​กิเลสเปรียบ​ได้​กับส่วนที่เป็นโคน​ของต้นไม้, ปริยุฏฐาน​กิเลส​เปรียบ​ได้​กับส่วนที่เป็นลำต้น​ของต้นไม้ วีติกกมกิเลส​เปรียบ​ได้​กับ​ส่วนที่เป็นกิ่งก้าน​ของต้นไม้​ เมื่อ​จะโค่นต้นไม้​ให้ตายก็ต้องขุดโคนส่วนที่มีรากทิ้ง​ ลำพังแค่ตัดลำต้น​ ​และกิ่งก้าน​ทิ้งไป​ เมื่อโคนต้นยังมี​อยู่​ ต้นไม้​ก็งอกใหม่ได้​ ฉัน​ใดการละกิเลสได้เด็ดขาด​เป็นสมุจเฉทปหานก็ต้องละที่อนุสัย​ฉันนั้นเหมือนกัน

อีก​ตัว​อย่าง​หนึ่ง มีการสอนว่า​ วันประสูติ​ วันตรัสรู้​ วันปรินิพพาน​ เป็นเรื่องของขณะจิตใหญ่ขณะเดียว​(เกิดขึ้น, ตั้งอยู่, ดับไป)​ ขณะจิตเล็กเกิดขึ้​น​ ก็คือวันประสูติ​ ขณะจิตเล็กตั้งอยู่เพื่อทำกิจตรัส​รู้​ ก็คือวันตรัสรู้​ ขณะจิตเล็ก​ดับไป​ ก็คือวัน​ปรินิพพาน​ ทั้งๆที่ทรงตรัสยืนยัน​ว่า​ มีการท่องเที่ยว​ไปในวัฏฏสงสารก็ตาม​ เป็นปฏิเสธการเวี่ยนว่ายตายเกิดนั่นเอง

อีก​ตัวอย่าง​หนึ่ง​ มีการสอนว่า​ สัพเพ​ ธัมมา อนัตตา(จิต​เจตสิก​ รูป​ นิพพาน)​ ก็ตาม​ โดยสรูป​เป็นเรื่องของจ้กร​วาลซึ่งเป็นเรื่อง​ของรูป​ คือ​ สสารและพลังงาน​ แต่ไม่ครบทั้ง​ 4 สมุฏฐาน​ คือ​ กล่าวเฉพาะ​อุตุสมุฏฐาน​เป็นหลัก​ ส่วนกัมมสมุฏฐาน​ จิตตสมุฏฐาน​ และอาหารสมุฏฐาน​ ไม่ได้​กล่าวถึง​ ทั้งๆที่ทรงตรัส​ว่า​ สัตว์​บุคคล​จะพ้นจากวัฏฏทุกข์​ต้อง​เห็นไตรลักษณ์​ มีทุกข​ลักษณะ​ เป็น​ต้น​ ในอัตภาพ​ภาพ​ในของตน​ หาใช่​สถานภาพภายนอก​ตนไม่

และเมื่อตรวจสอบ​ความถูกต้อง​ ด้วย​บท​ 12​ หา​ระ​ 16​ มูล​ 18​ นัย​5​ สาสนปัฏฐาน​16,28​ ตามคัมภีร์เนตติปกรณ์​ จะ​ปรากฏ​ สภาวะ​ผู้​กล่าวสอนการละศีล​ผิด​ เป็น​ สัตสตทิฏฐิ เพราะ​เห็น​ผิดว่ากิเลสทั้ง​ 3 ประเภท​ เป็นสิ่ง​เดียว​กัน​ ผู้​กล่าวสอนว่า​ การประสูติ​ตรัสรู้​ปรินิพพาน​เป็นไปใน​ขณะจิตเดียวกัน​ เป็น​ อุจเฉททิฏฐิ​ เพราะ​เห็นผิด​ว่า​ สัตว์​บุคคล​ตายแล้วก็สูญ​ โดยไม่เชื่อ​ว่า​ มีการเวียนว่ายตายเกิด ผู้กล่าวสรูปเป็นเรื่อง​ของจักรวาล​ล้วน​ ซึ่งมีแต่รูปอุตุสมุฏฐาน โดยขาดรูปกัมมสมุฏฐาน​ รูปจิตตสมุฏฐาน​ และรูปอาหารสมุฏฐาน​ ดังนั้น​ เมื่อมีผู้รู้ให้ข้อคิด​ว่า​ ก็แล้วมหาภูต​ 4 คือ​ ธาตุดิน​ ธาตุน้ำ ธาตุ​ลม​ ธาตุไฟ​ จากสมุฏฐาน​ทั้ง​ 4​ จักดับสิ้นทั้งหมดได้ที่ไหน​ ก็จะฉุกคิด​ขึ้นได้ว่า ที่ตนเห็นสำคัญว่าเป็นเรื่อง​ของจักรวาล​นั้นไม่ใช่แล้ว​ ความสงสัยก็พลั่นเกิดขึ้น​ทันที​ หากมีอภิญญา​ก็ใช้อภิญญา​นั้น​นั่นแหละ​เที่ยวสำรวจจักวาลทั้งหลาย​ จนจุติ​ เมื่อปฏิสนธิ​ก็ได้อภิญญา​ ก็สำรวจจักวาลต่อ​ แม้เห็นจักวาลเกิดดับบ้าง​ แต่ก็ไม่พบว่า​ มหาภูตรูป​ 4​ ทั้ง​ 4​ สมุฏฐาน​เกิดดับที่ไหนเลย จนอ่อนใจ​ เที่ยวถามพรหมและเทวดาทั้งหลาย​ ต่างก็แนะนำให้กลับไปทูลถามพระสัมมาสัมพุทธ​เจ้า​ จึงเข้าใจและปฏิบัติ​ได้ถูกต้อง

เนื้อหาทั้งหมด​ที่กล่าวมานี้​ มิใช่มติของผู้โพสต์​ แต่มีจารกล่าวนำร่องไว้​ในคัมภีร์นิสสยะ​ ซึ่งตรงกับสมัยการเริ่มเปลี่ยน​รูปแบบการศึกษา​แบบมุกขปาฐะมาจารเป็นอักษรปัลลวะอันเป็นอักษรต้นแบบของอักษรโบราณ​ มี​ อักษรสิงหล​ อักษรขอม​ เป็นต้น

ขอขอบคุณ ที่มา: http://dhamma.serichon.us

มิลินทปัญหา (ตอนที่ 50) ,  (ตอนที่ 49) ,  (ตอนที่ 48) ,  (ตอนที่ 47) ,  (ตอนที่ 46) ,  (ตอนที่ 45) ,  (ตอนที่ 44) ,  (ตอนที่ 43) ,  (ตอนที่ 42) ,  (ตอนที่ 41) ,  (ตอนที่ 40) ,  (ตอนที่ 39) ,  (ตอนที่ 38) ,  (ตอนที่ 37) ,  (ตอนที่ 36) ,  (ตอนที่ 35) ,  (ตอนที่ 34) ,  (ตอนที่ 33) ,  (ตอนที่ 32) ,  (ตอนที่ 31) ,  (ตอนที่ 30) ,  (ตอนที่ 29) ,  (ตอนที่ 28) ,  (ตอนที่ 27) ,  (ตอนที่ 26) ,  (ตอนที่ 25) ,  (ตอนที่ 24) ,  (ตอนที่ 23) ,  (ตอนที่ 22) ,  (ตอนที่ 21 ต่อ) ,  (ตอนที่ 21) ,  (ตอนที่ 20) ,  (ตอนที่ 19) ,  (ตอนที่ 18) ,  (ตอนที่ 17) ,  (ตอนที่ 16) ,  (ตอนที่ 15) ,  (ตอนที่ 14) ,  (ตอนที่ 13) ,  (ตอนที่ 12) ,   (ตอนที่ 11) ,  (ตอนที่ 10) ,  (ตอนที่ 9) ,  (ตอนที่ 8) ,  (ตอนที่ 7) ,  (ตอนที่ 6) ,  (ตอนที่ 5) ,  (ตอนที่ 4) ,  (ตอนที่ 3) ,  (ตอนที่ 2) ,  (ตอนที่ 1) ,  ประโยชน์​การอุปมา​อันได้จากการศึกษา​คัมร์ในทางพุทธศาสนา มีคัมภีร์​มิลินท์​ปัญหาเป็นต้น​ ,   มิลินทปัญหา ปัญหาเกี่ยวกับการไม่เคลื่อนไปก็ปฏิสนธิได้  ,  เหตุไร ตรัสให้คฤหัสถ์โสดาบันกราบไหว้ ลุกรับภิกษุสามเณรปุถุชนเล่า?  ,  นิปปปัญจปัญหา ​- ปัญหา​เกี่ยวกับ​ธรรม​ที่ปราศจาก​เหตุ​ให้เนิ่น​ช้าในวัฏฏทุกข์  ,   ถามว่า​ อานิสงส์​การเจริญเมตตา​ ห้ามอันตราย​ต่างๆ​ เหตุไรสุวรรณ​สามผู้เจริญเมตตา​จึงถูกยิงเล่า?

Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: