วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

พระอัสสชิเถระ เป็นผู้เฉลียวฉลาด รู้จักประมาณตน ไม่โอ้อวด หรือเย่อหยิ่ง...

"เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต,  เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ - ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุของธรรมนั้น และความดับแห่งธรรมนั้น พระศาสดาทรงสั่งสอนอย่างนี้" 

พระอัสสชิเถระ เป็นผู้เฉลียวฉลาด รู้จักประมาณตน ไม่โอ้อวด หรือเย่อหยิ่ง... 

พระอัสสชิเป็นบุตรพราหมณ์มหาศาล ในกรุงกบิลพัสดุ์ เมื่อบิดาได้เห็นพระมหาบุรุษมีลักษณะถูกต้องตามตำราลักษณพยากรณ์ศาสตร์ ในคราวที่ได้รับเชิญเลี้ยงโภชนาหารในพระราชพิธีทำนายพระลักษณ์ จึงได้บอกเล่าให้ท่านฟังและสั่งไว้ว่า บิดาก็ชราแล้ว คงจะไม่ทันเห็นพระองค์ ถ้าพระมหาบุรุษเสด็จออกทรงผนวชเมื่อใดให้ออกบวชตามเสด็จเมื่อนั้น

ตั้งแต่นั้นมา ท่านมีความเลื่อมใสและเคารพนับถือในพระองค์มาก ในคราวที่พระมหาบุรุษเสด็จออกทรงผนวชและทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยาอยู่ ท่านได้ทราบข่าวคราวจึงพร้อมกับพราหมณ์อีก ๔ คนซึ่งมีโกณฑัญญะเป็นหัวหน้า พากันออกบวชเป็นฤาษีตามเสด็จ คอยอุปัฏฐากพระองค์ทุกเช้าค่ำ ตลอดเวลาที่ที่ทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยานานถึง ๖ ปี แต่พระองค์ไม่สามารถบรรลุธรรมพิเศษได้ จึง ทำให้พระองค์ทรงทราบว่ามิใช่หนทางแห่งการตรัสรู้เป็นแน่แท้ จึงทรงเลิกการบำเพ็ญทุกกรกิริยานั้นเสีย พระองค์ตั้งพระทัยว่า จะบำเพ็ญเพียรสืบไป

แต่ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ คน มีความเข้าใจว่าพระองค์ทรงคลายจากความเพียรเวียนมาเป็นคนมักมากใน กามคุณเสียแล้ว จึงคิดว่าพระองค์คงจะไม่ได้บรรลุธรรมพิเศษอันใดอันหนึ่งแน่นอน จึงพร้อมกันละทิ้งพระองค์ไปอยู่ที่ป่า อิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี

เมื่อพระองค์ทรงบำเพียรทางใจได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ จึงเสด็จไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ทรงแสดงปฐมเทศนา ชื่อว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร โปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ คน และได้ แสดงปกิณณกเทศนา เมื่อครบวาระที่ ๔ พระอัสสชิก็ได้ดวงตาเห็นธรรม.  พระอัสสชิเถระ ได้บรรพชาอุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ต่อมาได้ฟังพระธรรมเทศนาชื่อว่า อานัตตลักขณสูตร จึงบรรลุเป็นพระอรหันต์

การบำเพ็ญประโยชน์ (ประกาศพระศาสนา)

ครั้นเมื่อสมเด็จพระบรมศาสดา ทรงส่งสาวกไปประกาศพระศาสนาในตอนปฐมโพธิกาล ท่านองค์หนึ่งซึ่งอยู่ในจำนวนนั้น ได้ช่วยเป็นกำลังประกาศพระศาสนาในนานาชนบท ปรากฏว่าท่านเป็นผู้เฉลียวฉลาด รู้จักประมาณตน ไม่โอ้อวด หรือเย่อหยิ่ง ตลอดถึงกิริยามารยาทเรียบร้อยน่าเลื่อมใส

เมื่อพระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร ในกรุงราชคฤห์ อุปติสสปริพาชกเดินทางมาจากสำนักของสัญชัยปริพาชก ได้พบท่านเข้าระหว่างทาง จึงเกิดความเลื่อมใสในจริยาวัตรของท่าน จึงขอให้ท่านแสดงธรรมให้ฟัง ท่านตอบว่า "ผู้มีอายุ เราเป็นคนใหม่บวชไม่นาน เพิ่งเข้ามายังพระธรรมวินัยนี้ ไม่อาจจะแสดงธรรมแก่ท่านโดยพิสดาร เราจักกล่าวแก่ท่านโดยย่อ พอรู้ความ " แล้วก็ได้แสดงธรรมแก่อุปติสสปริพาชกพอได้ความว่า "ธรรมเหล่าใดเกิกแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุของ ธรรมนั้นและความดับของธรรมนั้น พระศาสดาทรงสั่งสอนอย่างนี้"

อุปติสสปริพาชก ได้ฟังเช่นนั้นจึงได้ดวงตาเห็นธรรม ท่านได้ชักนำไปเฝ้าพระบรมศาสดา ปรากฏว่าในกาลต่อมาอุปติสสปริพาชกได้บรรพชา อุปสมบทในพระพุทธศาสนา มีนามว่า "พระสารีบุตร" เป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา ซึ่งจะเห็นได้ว่าพระอัสสชิเถระได้ศิษย์ ที่มีความสำคัญองค์หนึ่ง.  ท่านดำรงอายุสังขารพอสมควรแก่กาลแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน

ขอขอบคุณ ที่มา: http://www.thammapedia.com, http://www.dhammathai.org

Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: