เพราะโดยมาก เมื่อครูผู้เป็นเจ้าของลัทธิหรือพระศาสดาผู้เป็นเจ้าของศาสนาได้ทำกาละกิริยาไปแล้วไม่นานนัก พวกลูกศิษย์ก็มักจะแตกกัน เกิดแยกกันเป็นสองพวก เกิดบาดหมางกัน เกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น เสียดแทงกันและกันด้วยหอกคือปากอยู่ว่า “ท่านไม่รู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึง ท่านจักรู้ทั่วถึงธรรมวินัยนี้ได้อย่างไร ท่านปฏิบัติผิด ข้าพเจ้าปฏิบัติถูก ถ้อยคำของข้าพเจ้าเป็นประโยชน์ ของท่านไม่เป็นประโยชน์ คำที่ควรจะกล่าวก่อน ท่านกลับกล่าวภายหลัง คำที่ควรจะกล่าวภายหลัง ท่านกลับกล่าวก่อน ข้อที่ท่านช่ำชองมาผันแปรไปแล้ว ข้าพเจ้าจับผิดวาทะของท่านได้แล้ว ข้าพเจ้าข่มท่านได้แล้ว ท่านจงถอนวาทะเสีย มิฉะนั้นจงแก้ไขเสีย ถ้าสามารถ ดังนี้”
ท่านอธิบายว่า เห็นจะมีแต่ความตายอย่างเดียวเท่านั้นที่จะทำให้พวกลูกศิษย์ของครูผู้เป็นเจ้าลัทธิหรือของพระศาสดาผู้เป็นเจ้าของศาสนาเหล่านั้นจะเลิกทะเลาะกัน ถึงพวกสาวกที่เป็นคฤหัสถ์ก็มีอาการเบื่อหน่าย คลายความรัก รู้สึกท้อถอยไปด้วย
เพราะฉะนั้น พวกเราผู้เป็นสาวกจะเป็นพระภิกษุสามเณรก็ดี เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็ดี ต้องศึกษาภาษาบาลีหรือศึกษาพระธรรมวินัย ทั้งนี้เพราะพระธรรมวินัยอันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบระงับ เป็นธรรมวินัยที่เป็นที่พึ่งอาศัยอันอุดมไปด้วยคุณที่สูงยิ่งๆขึ้นไปนั่นเอง.
ปล. ใกล้สอบบาลีสนามหลวงแล้วขอถวายกำลังใจแด่นักเรียนผู้จะสอบทุกรูป/ทุกคน
สาระธรรมจากสังคีติสูตรและอรรถกถา (ภินฺนนิคณฺฐวตฺถุวณฺณนา)
พระมหาวัชระ เชยรัมย์, 19/2/64
0 comments: