วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2564

เพราะพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม เพื่อประโยชน์สุขแก่ประชาชน จึงมีคําสอนทุกระดับ

เพราะพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม เพื่อประโยชน์สุขแก่ประชาชน จึงมีคําสอนทุกระดับ  ตั้งแต่เรื่องของชาวบ้าน จนถึง โลกุตตรธรรม

อย่างเรื่องชาดกที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่า พระองค์ก็ทรงบอกไว้ว่า ตรงนี้คนนั้นๆพูดว่าอย่างนั้นๆ แล้วก็มีคําสอนในวาทะของพระโพธิสัตว์ จะเห็นว่า ชาดกเป็นเรื่องชีวิตของชาวโลกทั่วไป ที่อยู่กับการทํามาหาเลี้ยงชีพ เรื่องของครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อน ชุมชน คนดี คนร้าย เรื่องอบายมุข การบําเพ็ญประโยชน์ ความขัดแย้งจองเวร และความสามัคคี ตั้งแต่ในหมู่สัตว์ดิรัจฉาน และคนต่างหมู่ต่างพวก จนถึงสงครามระหว่างรัฐ และการแข่งฤทธิ์ระหว่างฤาษีกับเทวดา

ชาดกมีคําสอนสําหรับคนทั่วไป ในเรื่องของชีวิตประจําวัน คติชาวบ้าน การดิ้นรนแสวงหาความเจริญก้าวหน้าความสําเร็จ ด้านต่างๆ และการอยู่ร่วมกันในสังคมนี้ ว่าด้วยความประพฤติ ตามหลักศีลธรรม การเคารพเชื่อฟังพ่อแม่ ครู อาจารย์ จนถึงการ ปกครองบ้านเมือง

หลักธรรมคําสอนในระดับนี้ก็สําคัญ ไม่ควรมองข้ามไป เพราะพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อประโยชน์สุขแก่ประชาชน จึงมีคําสอนทุกระดับ หลักธรรมคําสอนแบบชาดกนี้เรียกว่าเริ่มตั้งแต่พื้นฐานขึ้นไป จนเชื่อมต่อขึ้นสู่ “โลกุตตรธรรม

บางที่ชาวพุทธ พอจับคําสอนในระดับหนึ่ง ก็เอียงไปอยู่ในเขตแคบๆ ของระดับนั้น ไม่เข้ากับความเป็นจริง ควรจะนําคําสอน ทุกระดับมาสอน มาใช้ให้ประสานสัมพันธ์หนุนเสริมถึงกัน อย่างที่ปัจจุบันเรียกว่า “บูรณาการ” เข้าเป็นองค์รวมให้สําเร็จ หลักธรรมคําสอนทั้งหลายนั้น จะมีเรื่องอะไรเข้ามา ก็ครอบคลุมไปได้ทุกอย่าง พระพุทธเจ้าทรงจาริกไป นอกจากจุดเป้าหมายแล้ว ก็เสด็จไปทั่ว ไม่จําเพาะที่และคนที่มาเฝ้าก็หลากหลายทุกรูปแบบ เขาทูลถามอะไร มีเรื่องอะไรให้ปรารภหรือเกี่ยวข้อง ก็ตรัสแสดงธรรมเข้ากับเรื่องได้ทั้งนั้น โดยมีสาระสําคัญ ก็ คือ

หนึ่ง มุ่งที่ความรู้ อะไรควรรู้ ก็เอามาบอกให้รู้ แล้วก็พูดก็ตอบชี้แจงให้เข้าใจให้ชัดเจน

สอง แล้วก็สอนก็อธิบายให้เห็นทางว่าทําอย่างไรจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ให้สําเร็จผล พ้นปัญหา ลุจุดหมาย ได้ความสุข นี่คือสาระสําคัญ เหมือนกับเรามาพูดกันในที่นี้ มีอะไรเป็นไปที่ไหน ก็ยกมาว่ากัน จะถามเรื่องอะไรก็ได้ เราก็ปฏิบัติตามแนวทางของพระองค์ แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็มีสาระมาลงที่นี่ คือ หนึ่ง รู้ เข้าใจ สอง เอาไปใช้ประโยชน์ได้ หมายความว่าให้เกิดประโยชน์สุขแก่ตัวเอง แก่ครอบครัว แก่ประชาชนหรือแก่สังคม และแก่มวล มนุษย์หรือสรรพสัตว์

นี่ก็เป็นจุดมุ่งหมายในการที่พระพุทธเจ้าทรงสอนธรรม คือ พระองค์ทรงมุ่งเพื่อประโยชน์สุขแก่ประชาชน ดังที่ทรงย้ำอยู่เสมอ ว่า พหุชนหิตายะ พหุชนสุขายะ โลกานุกัมปายะ คือ ต้องการให้เขาได้ประโยชน์ สอนเพื่อประโยชน์แก่เขา

แต่ที่นี้ เรื่องมันซับซ้อนขึ้นมาในตอนที่ว่า คนอยู่ในระดับการพัฒนาที่ไม่เท่ากัน อย่างที่เคยพูดกันมาแล้ว “อินทรีย์” โดยเฉพาะ ปัญญาความสามารถในการคิด ในการเข้าใจความและจับใจความ ก็ไม่เท่ากัน พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงแยกคนเป็น ๓ ประเภท บ้าง ๔ ประเภทบ้าง เป็นบัว ๓ เหล่าบ้าง เป็นบัว ๔ เหล่าบ้าง (ในพระไตรปิฎกก็บัวสามเหล่า อรรถกถาก็บัวสี่เหล่า) อย่างนี้เป็นต้น

พระพุทธเจ้าตรัสอะไรกะใคร พระองค์ก็ทรงดูทรงหยั่งทรง ทราบความแตกต่างระหว่างบุคคลว่า คนนี้แค่นี้จะรู้เข้าใจเอาไปใช้ ได้แค่ไหน แล้วพระองค์ก็ทรงสอนให้เขาเข้าใจ นําไปใช้ปฏิบัติได้ในระดับนั้น แม้แต่คนเดียวกัน ครั้งนี้กับอีกครั้งหนึ่งมา บางทีก็พัฒนาก้าวไปแล้ว ก็ไม่เท่ากัน ครั้งนี้เขาแค่นี้ พระองค์ก็ทรงสอนเท่านี้ อีกครั้งหนึ่งพอเขาพร้อมกว่านั้น พระองค์ก็ทรงสอนต่อสูงขึ้นไปอีก คนในกลุ่มในหมู่เดียวกันมาพร้อมด้วยกัน ก็มีแนวมีพื้นมีความพร้อมไม่เท่ากัน

ฉะนั้น เราก็ต้องรับรู้ตามสภาพว่า คําสอนในพระไตรปิฎกจึงมีหลายขั้น หลายระดับ หลายแนว หลายลักษณะ เพื่อคนที่ต่างกัน หลากหลายมากมาย พระพุทธเจ้าทรงมีทั้ง…

“อินทรียปโรปริยัตตญาณ” ญาณหยั่งรู้ความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย คนมีอินทรีย์แก่กล้าไม่เท่ากัน มี ศรัทธา มีปัญญา มีสติ มีสมาธิ มีความเพียร เป็นต้น ไม่เท่ากัน พูดง่ายๆว่า รู้ความแตกต่างแนวตั้ง 

แล้วก็ “ นานาธิมุตติกญาณ” รู้ความแตกต่างของมนุษย์ในแง่ความโน้มเอียง ความสนใจ พื้นเพภูมิหลัง ซึ่งไม่เหมือนกัน แม้แต่มี “อินทรีย์” เช่น มีปัญญาในระดับเดียวกัน แต่อาจจะสนใจคนละ เรื่องคนละราว พูดง่ายๆว่ารู้ความแตกต่างแนวนอน

พระองค์ทรงรู้ความแตกต่างของคนทั้งหลายอย่างนี้ เมื่อพระองค์ทรงสนทนากับใคร ก็ตรัสให้เหมาะกับคนนั้น ให้เขาได้ ประโยชน์ ก็ไปลงที่สําคัญ คือ จุดหมายที่จะให้เขาได้ประโยชน์ โดยเฉพาะประโยชน์ในการที่จะได้พัฒนาชีวิตขึ้นไปสักขั้นหนึ่ง”

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

ที่มา : จากหนังสือ "คนไทย ใช่กบเฒ่า เถรวาท VS ลัทธิอาจารย์"

หนังสือ "คนไทย ใช่กบเฒ่า เถรวาท VS ลัทธิอาจารย์" โหลดได้ที่ลิงค์นี้ :- https://book.watnyanaves.net/pdf/viewer.php...



post written by:

0 comments: