วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ในโลกนี้ หรือในโลกไหนๆ กี่พันโลกก็ตาม ไม่มีอะไรดีไปกว่า "ความพ้นทุกข์"

ในโลกนี้ หรือในโลกไหนๆ กี่พันโลกก็ตาม ไม่มีอะไรดีไปกว่า "ความพ้นทุกข์"

พระพุทธศาสนาทั้งแท่ง มียอดสุด คือ อริยสัจ ๔ หลักธรรมทุกๆ อย่าง สงเคราะห์รวมลงได้ในอริยสัจ ๔ ข้อปฏิบัติทุกๆ ข้อ ก็มีเพื่อรู้อริยสัจ ด้วยปัญญา ครั้นรู้อริยสัจด้วยปัญญาถึงที่สุดแล้ว ก็หลุดพ้นจากอาสวะกิเลส เป็นผู้ทำที่สุดแห่งความทุกข์ให้ปรากฎได้ และพ้นทุกข์อย่างเด็ดขาด ไม่กลับเป็นทุกข์อีกต่อไป เพราะจิตหลุดพ้นจากสิ่งที่เคยยึดถือ

ผู้ที่รู้อริยสัจได้โดยตนเองอย่างแตกฉาน และสอนผู้อื่นให้รู้ตามได้ด้วย เรียกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่รู้เอง แตกฉานเฉพาะเท่าที่ทำตัวเองให้หลุดพ้นได้ แต่สอนผู้อื่นให้รู้ตามไม่ได้ เพราะไม่สามารถในการทรมานผู้ฟัง เรียกว่าพระปัจเจกพุทธเจ้า

ผู้ที่ได้ฟังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วรู้ตามได้ เรียกว่า พระอนุพุทธเจ้า หรือ พระอริยสาวก ทั้ง ๓ พวกนี้ก็ล้วนแต่ เพราะรู้อริยสัจ ๔ ด้วยปัญญา อริยสัจ จึงคือ ยอดธรรม การรู้อริยสัจก็คือยอดแห่งพรหมจรรย์ และการประพฤติเพื่อให้รู้อริยสัจ ๔ ด้วยปัญญาก็คือยอดแห่งการประพฤติทั้งหลาย

ในโลกนี้ หรือในโลกไหนๆ กี่พันโลกก็ตาม ไม่มีอะไรดีไปกว่า "ความพ้นทุกข์" ความพ้นทุกข์มีได้เพราะรู้อริยสัจทั้ง ๔ อย่างสมบูรณ์ คือ รู้จักทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับไม่เหลือของทุกข์ และทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์นั่นเอง

อริยสัจทั้ง ๔ อย่างนี้ จึงเป็นความรู้ที่ควรศึกษาสำหรับการมีชีวิตอยู่ ยิ่งกว่าความรู้อื่นๆ ซึ่งเป็นเพียงการหลอกล่อให้ชีวิตเพลินไปวันหนึ่งๆ หาได้สำรอกทุกข์ พร้อมทั้งรากเชื้อของมันออกจากดวงจิตของมนุษย์ได้ไม่

คณะธรรมทาน ไชยา (น.๒๑) ,  อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น , ธรรมโฆษณ์ l พุทธทาสภิกขุ

Credit: สโมสรธรรมทาน - co dhamma space





Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: