วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ลิตฺตชาตกํ - ว่าด้วยลูกสกาอาบยาพิษ (คาถาเล่นพนัน)

ลิตฺตชาตกํ - ว่าด้วยลูกสกาอาบยาพิษ (คาถาเล่นพนัน)

"ลิตฺตํ  ปรเมน  เตชสา,      คิลมกฺขํ  ปุริโส  น  พุชฺฌติ;

คิล  เร  คิล  ปาปธุตฺตก,     ปจฺฉา  เต  กฏุกํ  ภวิสฺสตีติ ฯ

บุรุษกลืนกินลูกสกา อันย้อมด้วยยาพิษอย่างแรงกล้า ย่อมไม่รู้สึก ดูกรเจ้าคนร้าย เจ้านักเลงชั่วช้า จงกลืนกินเถิด จงกลืนกินเถิด เมื่อท่านกลืนกินลูกสกาแล้ว ภายหลังยาพิษนี้จักแรงจัดขึ้น."

ลิตตชาดกอรรถกถา

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภการบริโภคปัจจัยที่มิได้พิจารณา ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า  ลิตฺตํ  ปรเมน  เตชสา  ดังนี้. 

ได้ยินมาว่า ในกาลนั้น พวกภิกษุได้ปัจจัยมีจีวรเป็นต้นโดยมากไม่ได้พิจารณาแล้วบริโภค ภิกษุเหล่านั้นผู้ไม่ได้พิจารณาปัจจัย ๔แล้วบริโภค โดยมากจะไม่พ้นจากนรกและกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน.

พระศาสดาทรงทราบเหตุนั้น ตรัสธรรมกถาแก่ภิกษุทั้งหลาย โดยปริยายเป็นอันมาก ตรัสถึงโทษ ในการไม่พิจารณาปัจจัยแล้วใช้สอย ตรัสว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาภิกษุได้รับปัจจัย ๔ แล้ว ไม่พิจารณาบริโภคไม่ควรเลย, เพราะฉะนั้น จำเดิมแต่นี้ พวกเธอต้องพิจารณาแล้วจึงค่อยบริโภค“ เมื่อทรงแสดงวิธีพิจารณาทรงวางแบบแผนไว้ โดยนัยมีอาทิว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่งภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณา โดยแยบคายแล้วจึงใช้สอยจีวร ฯลฯ เพื่อต้องการปกปิดอวัยวะที่น่าละอาย“, แล้วตรัสว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การพิจารณาปัจจัย ๔ อย่างนี้แล้วบริโภค ย่อมสมควร, ขึ้นชื่อว่าการไม่พิจารณาแล้วบริโภคเป็นเช่นกับบริโภคยาพิษที่ร้ายแรงยิ่งใหญ่, ด้วยว่า คนในครั้งก่อนไม่พิจารณา ไม่รู้โทษ บริโภคยาพิษ ผลที่สุดต้องเสวยทุกข์ใหญ่หลวง“ ดังนี้แล้ว ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :- 

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี  พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลมีโภคะมาก ตระกูลหนึ่ง เจริญวัยแล้วเป็นนักเลงสกา ครั้นเวลาต่อมา มีนักเลงสกา โกงอีกคนหนึ่ง เล่นกับพระโพธิสัตว์ เมื่อตนเป็นฝ่ายชนะก็ไม่ทำลายสนามเล่น แต่ในเวลาแพ้ ก็เอาลูกสกาใส่เสียในปากกล่าวว่า „ลูกสกาหายเสียแล้ว“ พาลเลิกหลีกไป.

พระโพธิสัตว์ทราบเหตุของเขา คิดว่า „ช่างเถิด เราจักหาอุบายแก้เผ็ดในเรื่องนี้“ ดังนี้แล้ว รวบเอาลูกสกาไป ย้อมด้วยยาพิษอย่างแรงในเรือนของตนแล้วตากให้แห้ง บ่อย ๆ ครั้งแล้วนำเอาลูกสกาเหล่านั้นไปสู่สำนักของเขากล่าวว่า „มาเถิดเพื่อน เราเล่นสกากันเถิด.“ เขารับคำว่า „ดีละเพื่อน" จัดแจงสนามเล่น เล่นกับพระโพธิสัตว์เรื่อยไป พอเวลาตนแพ้ ก็เอาลูกสกาลูกหนึ่งใส่ปากเสีย ครั้นพระโพธิสัตว์เห็นเขาทำอย่างนั้น เพื่อจะท้วงว่า „กลืนเข้าไปเถิด ภายหลังเจ้าจักรู้ว่า นี้มันชื่อนี้" จึงกล่าวคาถานี้ว่า :-  „บุรุษกลืนลูกสกาอันเคลือบด้วยยาพิษ อย่างแรง ยังไม่รู้ตัว ดูก่อนเจ้าคนร้าย เจ้านักเลง ชั่ว จงกลืนเถิด จงกลืนกินเข้าไปเถิด ภายหลัง ผลร้ายจักมีแก่เจ้า.“

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า  ลิตฺตํ  ความว่า ลูกสกาที่เคลือบไว้แล้ว ย้อมไว้แล้ว.   บทว่า  ปรเมน  เตชสา  ความว่า ด้วยยาพิษอันร้ายแรงสมบูรณ์ด้วยฤทธิ์เดชอันสูง.   บทว่า  คิลํ  แปลว่า กลืน.   บทว่า  อกฺขํ  แปลว่า ลูกสกา.  บทว่า  น  พุชฺฌติ  ความว่า ไม่รู้ตัวว่า เมื่อเรากลืนลูกสกานี้อยู่ชื่อว่าต้องกระทำกรรมนี้.  บทว่า  คิล  เร  ความว่า กลืนเถิดเจ้าคนร้าย.  พระโพธิสัตว์กล่าวย้ำซ้ำเตือนอีกว่า  คิล  จงกลืน.  บทว่า  ปุจฺฉา  เต  กฏุกํ  ภวิสฺสติ  ความว่า เมื่อเจ้ากลืนลูกสกานี้ไปแล้ว ภายหลังพิษอันร้ายแรงจักมี. 

ขณะเมื่อพระโพธิสัตว์กำลังพูดอยู่นั่นแหละ เขาสลบไปแล้วด้วยกำลังของยาพิษ นัยน์ตากลับ คอตก ล้มฟาดลง พระโพธิสัตว์คิดว่า ควรจะให้ชีวิตเป็นทานแม้แก่เขา จึงให้ยาสำรอกที่ปรุงด้วยโอสถจนสำรอกออกมาและให้กินเนยใส น้ำอ้อย น้ำผึ้งและน้ำตาลกรวดเป็นต้น ทำให้หายโรคแล้วสั่งสอนว่า อย่าได้กระทำกรรมเห็นปานนี้อีก ดังนี้แล้ว กระทำบุญมีทานเป็นต้นไปตามยถากรรม.

พระศาสดา ทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าการไม่พิจารณาแล้วบริโภค ย่อมเป็นเช่นกับการบริโภคยาพิษ อันตนเคยกระทำไว้แล้ว“ ทรงประชุมชาดกว่า "นักเลงผู้เป็นบัณฑิตในกาลนั้นได้มาเป็นเราตถาคต“ ส่วนนักเลงโกง จะไม่กล่าวถึงในเรื่องนี้ เหมือนอย่างผู้ใดไม่ปรากฏในกาลนี้ ผู้นั้นก็ไม่กล่าวถึงในเรื่องทั้งปวง ฉะนี้แล. 

CR: หมายเหตุ ข้อมูลที่มา ภาษาบาฬี จากเว็บไซต์ tipitaka.org คำแปลจาก ฉบับมหิดล, ฉบับสยามรัฐ, ฉบับมหาเถรสมาคม เป็นต้น, ส่วนอรรถกถาแปลโดยมากจากฉบับมหาจุฬาฯ.

ที่มา : Palipage : Guide to Language - Pali


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: