วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2564

เมื่อปราศจากธรรมะแล้ว คนกับสัตว์ จะต้องเหมือนกัน


เมื่อปราศจาก “ธรรมะ” แล้ว “คน” กับ “สัตว์” จะต้องเหมือนกัน

“สิ่งใดที่มนุษย์ทำได้เหมือนๆกับสัตว์ หรือสัตว์ทำได้เหมือนๆกับมนุษย์นั้น ไม่เป็นของแปลกเลย ดังที่ท่านได้ตรัสไว้เป็นหลักแต่โบ-รม โบราณ ก่อนพุทธกาลมาเสียอีกว่า

“ อาหารนิทฺทาภยเมถุนญฺจ ”  การแสวงหาอาหารกิน  การแสวงหาความสุขจากการนอน  ความรู้จักขี้ขลาด วิ่งหนีอันตราย  และ การประกอบเมถุนธรรม(ร่วมประเวณี)

“ สามาญญเมตปฺปสภิ  นรานํ ”  ทั้ง ๔ อย่างนี้  มีได้เสมอกันในระหว่าง มนุษย์กับสัตว์

“ ธมฺโม หิ เตสํ อธิโก วิเสโส. ”  ธรรมะเท่านั้น ที่จะทำความผิดแปลกแตกต่างระหว่างคนกับสัตว์

“ ธมฺเมน หีนา ปสุภิ สมานา. ”   เมื่อปราศจากธรรมะแล้ว  คนกับสัตว์ก็จะต้องเหมือนกัน

นี้ล่ะ! ขอให้จำไว้เป็นหลักเสียครั้งหนึ่งก่อนว่า คนจะผิดจากสัตว์ หรือสัตว์จะผิดจากคน มันก็หยุดอยู่ตรงที่ จะมีธรรมหรือไม่? เท่านั้น จะเอาเรื่องอาหารการกิน การแต่งเนื้อแต่งตัว การเป็นอยู่เพื่อแสวงหาความสุขความเพลิดเพลิน ทาง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็นต้นนั้น ไม่มีความแปลกแตกต่างอะไรกันระหว่างคนกับสัตว์ หมายความว่า แม้คนจะทำได้ดี วิจิตรปราณีตกว่าสัตว์ แต่ความหมายมันก็ยังเท่ากัน ไม่ได้แปลกแตกต่างกัน ท่านจึงลงมติกันไว้อย่างนั้น ว่าเอาธรรมะอย่างเดียวเท่านั้นมาเป็นเครื่องวัดความผิดแปลกแตกแต่งระหว่างคนกับสัตว์...

ถ้าจากปราศจากธรรมะเสียแล้ว แม้จะมั่งมี จะร่ำรวย จะอุดมสมบูรณ์สักเท่าไร ก็ย่อมจะหาความสุขไม่ได้ ตนเองก็มีจิตใจที่เร่าร้อน เผาตนเองให้เร่าร้อนอยู่เสมอ เกี่ยวกับคนอื่นก็เบียดเบียนซึ่งกันและกัน คือการเอาเปรียบ แข่งขันแย่งชิง กับความอิจฉาริษยา ซึ่งกันและกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง นี่ก็เพราะขาดธรรมะอย่างเดียวเท่านั้น ตนเองก็อยู่ไม่เป็นสุข ผู้อื่นก็อยู่ไม่เป็นสุข จนได้ชื่อว่าเป็นโลกของความสับสนวุ่นวาย เป็นความทุกข์ร้อนระอุกันไปทั่วทุกหัวระแหง”

พุทธทาสภิกขุ

ที่มา : จากธรรมเทศนา มาฆบูชาเทศนา หัวข้อเรื่อง “ศีลธรรมกลับมาเถิด” ปี พ.ศ. ๒๕๑๔



Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: