วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ปโรสหสฺสชาตกํ - ว่าด้วยคนผู้มีปัญญา

ปโรสหสฺสชาตกํ - ว่าด้วยคนผู้มีปัญญา

"ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ,

กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปญฺญา;

เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปญฺโญ,

โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถนฺติ ฯ

คนโง่เขลาประชุมกัน แม้ตั้งพันคนขึ้นไป พวกเขาไม่มีปัญญาพึงคร่ำครวญอยู่ตลอดร้อยปี ผู้ใดรู้แจ้งเนื้อความแห่งภาษิต ผู้นั้นเป็นบุรุษมีปัญญา คนเดียวเท่านั้น ประเสริฐ."

ปโรสหัสสชาดกอรรถกถา (คุณของพระสารีบุตร)

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภปัญหาในปุถุชน มีบุคคลเป็นที่ ๕ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า  ปโรสหสฺสมฺปิ  สมาคตานํ  ดังนี้.

เรื่องจักปรากฏชัดเจนในสรภชาดก (เตสรสกนิบาต ๔๘๓) ก็สมัยหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายประชุมกันในธรรมสภา นั่งสนทนากันถึงเรื่องคุณของพระเถระเจ้าว่า „ผู้มีอายุทั้งหลาย พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรพยากรณ์ปัญหาที่พระทศพลตรัสโดยย่อได้โดยพิสดาร“

พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ?“ เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้ เท่านั้น ที่สารีบุตรพยากรณ์ปัญหาที่เรากล่าวอย่างย่อได้โดยพิสดาร แม้ในกาลก่อน ก็พยากรณ์ได้แล้วเหมือนกัน“ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี   พระโพธิสัตว์เกิดในสกุลอุทิจจพราหมณ์ เจริญวัยแล้ว เล่าเรียนสรรพศิลปวิทยา ในเมืองตักกสิลา ละกามทั้งหลายแล้วบวชเป็นฤาษี ทำอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ให้เกิดได้แล้วอยู่ในป่าหิมพานต์ แม้บริวารของท่านก็ได้บวชเป็นดาบส ๕๐๐ รูป คราวนั้นเป็นฤดูฝน อันเตวาสิกผู้ใหญ่ของท่านพาคณะฤาษีประมาณครึ่งหนึ่งไปสู่ถิ่นของมนุษย์ เพื่อต้องการรสเค็มรสเปรี้ยว.

ในกาลนั้น ประจวบเป็นสมัยที่พระโพธิสัตว์จะทำกาละ พวกอันเตวาสิกทั้งหลาย พากันถามการบรรลุคุณพิเศษกะท่านว่า „ข้าแต่ท่านอาจารย์ท่านได้คุณพิเศษชนิดไหน ?" ท่านตอบว่า „ไม่มีแม้แต่น้อย“ แล้วไปเกิดในพรหมโลกชั้นอาภัสสระ, เพราะว่า พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย แม้ถึงจะได้อรูปสมาบัติ ก็มิได้บังเกิดในอรูปภพ เป็นสถานที่อันมิบังควร.

พวกอันเตวาสิกคิดกันว่า „ท่านอาจารย์ไม่มีคุณพิเศษเลย“ ดังนี้แล้ว ไม่กระทำสักการะในป่าช้า.   

อันเตวาสิกผู้ใหญ่กลับมาแล้วถามว่า „ท่านอาจารย์ไปไหน ?"  ครั้นทราบว่า ทำกาละเสียแล้วจึงกล่าวว่า „เออก็พวกเธอถามถึงคุณพิเศษที่ท่านได้บรรลุกะท่านหรือเปล่า ?“ 

"พวกเราถามแล้ว ขอรับ."  "ท่านตอบว่า อย่างไร ?"   "ท่านตอบว่า, ไม่มีแม้แต่น้อย เหตุนั้น พวกเราจึงไม่ทำสักการะแก่ท่าน."  อันเตวาสิกผู้ใหญ่กล่าวว่า „พวกเธอมิได้รู้ความหมายแห่งคำของอาจารย์ท่านอาจารย์ได้อากิญจัญญายตนสมาบัติ“

แม้ถึงอันเตวาสิกผู้ใหญ่นั้น จะพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกอันเตวาสิกเหล่านั้นก็ไม่ยอมเชื่อ.   พระโพธิสัตว์ทราบเหตุนั้น ดำริว่า „พวกอันธพาลไม่เชื่อถ้อยคำอันเตวาสิกผู้ใหญ่ของเราเราต้องกระทำเหตุนี้ให้ปรากฏแก่อันเตวาสิกเหล่านั้น“, แล้วมาจากพรหมโลก ยืนอยู่ในอากาศ ด้วยอานุภาพอันใหญ่ เบื้องบนอาศรมบท เมื่อจะพรรณนางปัญญานุภาพของอันเตวาสิกผู้ใหญ่กล่าวคาถานี้ว่า :-  

„แม้จะมีผู้มาประชุมกันตั้งพันกว่า พวกเหล่านั้นก็ไม่มีปัญญา พึงคร่ำครวญไปตั้ง ๑๐๐ ปี, บุรุษผู้มีปัญญารู้แจ้งความหมายของคำที่เรากล่าวแล้ว ผู้เดียวเท่านั้นประเสริฐกว่า.“

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า  ปโรสหสฺสมฺปิ  แปลว่า แม้เกินกว่าพัน.   บทว่า  สมาคตานํ  ความว่า พวกคนเขลาผู้ไม่สามารถทราบความหมายของคำที่เรากล่าวแล้ว มาประชุมกันแล้ว.   ด้วยบทว่า  กนฺเทยฺยุ  เต  วสฺสสตํ  อปญฺญา  นี้ พระโพธิสัตว์แสดงว่า พวกเหล่านั้นที่มารวมกันอย่างนี้ ไร้ปัญญา เหมือนพวก ดาบสโง่เหล่านี้พากันร้องไห้คร่ำครวญกันไปตั้งร้อยปี แม้ตั้งพันปี แม้ตั้งแสนปี ถึงแม้จะพากันร้องไห้ ก็ไม่พึงรู้ถึงความหมายหรือเหตุได้เลย.  บทว่า  เอโกว  เสยฺโย  ปุริโส  สปญฺโญ  ความว่า บุรุษที่ เป็นบัณฑิตคนเดียวเท่านั้น ดีกว่า ประเสริฐกว่า พวกคนพาลเห็นปานนั้น แม้ตั้งพันกว่า. มีปัญญาเช่นไร ? ผู้มีปัญญารู้แจ้งความหมายของคำที่เรากล่าวแล้ว เหมือนอย่างอันเตวาสิกผู้ใหญ่นี้.

พระมหาสัตว์ยืนอยู่ในอากาศนั่นแหละแสดงธรรมชี้แจงให้คณะดาบสรู้แจ้ง ด้วยประการฉะนี้แล้วก็ไปสู่พรหมโลกดังเดิม พวกดาบสแม้เหล่านั้นครั้นสิ้นชีวิตต่างก็ไปเกิดในพรหมโลก.  

พระศาสดา ทรงนพระธรรมเทศนานี้มาแล้วทรงประชุมชาดกว่า อันเตวาสิกผู้ใหญ่ในครั้งนั้นได้มาเป็นพระสารีบุตรส่วนมหาพรหมได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล

ที่มา : Palipage : Guide to Language - Pali




Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: