วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2564

สะอาด สว่าง สงบ หยุด เย็น “วิมุตติ” คือยอดสุดของจุดหมายปลายทาง

สะอาด สว่าง สงบ หยุด เย็น “วิมุตติ” คือยอดสุดของจุดหมายปลายทาง

“เรียกว่าสะอาดก็ได้ เพราะไม่มีอะไรรบกวนให้ยุ่งยากลําบาก เรียกว่าสว่างก็ได้ คือไม่โง่ ไม่มืด เรียกว่าสงบก็ได้ เพราะไม่วุ่นวาย ใครจะมีคําพูดเรียกดีกว่านี้ แปลกไปจากนี้ก็ได้ไม่เป็นไร แต่ที่เราใช้กันโดยมากเรียกว่า “สะอาด สว่าง และ สงบ” เมื่อสะอาดก็ไม่มีอะไรมารบกวนให้สกปรก เมื่อสว่างก็ไม่มีความมืดมารบกวน สงบก็ไม่มีความวุ่นวายมารบกวน เมื่อไม่มีอะไรมารบกวน เรียกว่าอะไรดี ก็เรียกว่า เสรีภาพ อิสรภาพ เมื่อสะอาด สว่าง สงบแล้ว ก็มีเสรีภาพ ในทางพระพุทธศาสนามีคําเรียกว่า “วิมุตติ” หรือ วิโมกข์

วิมุตติ วิโมกข์ คือ หลุดพ้นเป็นอิสระ ไม่มีอะไรบีบคั้นรบกวน ความมีวิมุตติหลุดพ้น ไม่มีอะไรรบกวน นั่นแหละ ยอดสุดของจุด หมายปลายทาง ที่ว่าจะมีธรรมะ ก็คือ รู้เรื่อง “ปฏิจจสมุปบาท” จนควบคุมมันได้ไม่ให้เกิด หรือถ้าเกิดก็ให้ไปในทางที่ถูกต้อง คือเป็นวิชชา ไม่มีอวิชชาก็ไม่เกิดตัณหา ไม่เกิดอุปาทาน ไม่เกิดภพ ไม่เกิดชาติ ไม่เกิดทุกข์ นี่มันเป็นผลอย่างนี้

ฉะนั้น วิมุตติ นี้ ไม่ใช่คําสําหรับล้อกันเล่น หัวเราะเยาะกันเล่น เป็นคําสูงสุด จุดสูงสุดที่มนุษย์จะต้องบรรลุให้ได้ ศาสนาไหนก็ตาม ความมุ่งหมายของคําว่าวิมุตติ อาตมาสังเกตดูแล้วก็มุ่งหมายที่นั่นทั้งนั้น แต่เรียกชื่อต่างๆกัน บางชื่อก็โฆษณายั่วให้พอใจ โฆษณาให้คนพอใจมากเกินไปก็เรียกว่า “สวรรค์” บ้าง เรียกว่า “พระเป็นเจ้า” บ้าง ไปอยู่ที่นั่นแล้วก็หมดปัญหา แต่พุทธศาสนาจะเรียกว่า “วิมุตติ” คือหลุดออกไปจากปัญหา จะเรียกว่าว่างจากปัญหาหมดปัญหาก็ได้ จึงพูดได้ว่า นิพพานนั้นว่าง นิพพานคือว่าง ว่างถึงที่สุดเรียกว่านิพพาน ไม่มีอะไรรบกวน สิ่งสูงสุดที่มนุษย์ควรจะได้ควรจะถึงก็คือสิ่งนี้แหละ คืออยู่เหนือปัญหาโดยประการทั้งปวง ถ้าไม่มีความรู้เรื่องนี้ก็จะต้องเป็นไปตามกระแสปฏิจจสมุปบาท ก็มีปัญหาตลอดเวลาสารพัดอย่าง ทางบวกก็เป็นปัญหา ทางลบก็เป็น ปัญหา

ความหยุด เย็น คือ สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ

ขอให้เข้าใจให้ดีๆว่า ได้สมปรารถนามันก็ยังเป็นปัญหาเรื่องได้ สุขก็ยังเป็นปัญหาเรื่องสุข เพราะมันจะกลับเป็นทุกข์ได้ ถ้ามันเป็นบวกได้มันก็กลายเป็นลบได้ เป็นสุขอยู่มันก็กลายเป็นทุกข์ได้ ความสุขมันก็ยังไม่หมดปัญหา ความทุกข์เป็นปัญหาหมดไป มาถึงความสุขก็ยังคงเป็นปัญหา เลิกไปที ไม่สุข ไม่ทุกข์ เหนือสุข เหนือทุกข์ จึงจะหมดปัญหา นั่นแหละคือ พระนิพพาน ถ้าไปบ้าสุข เมาสุข หลงสุข ติดสุข มันก็แย่แย่หนักขึ้นไปกว่าเดิม บ้าบุญ หลงบุญ เมาบุญ ติดบุญ นี้ก็แย่ไปกว่าเดิม ไม่บ้า ไม่หลง สุขก็ไม่บ้า ทุกข์ก็ไม่บ้า บุญก็ไม่บ้า บาปก็ไม่บ้า ไม่บ้าอะไร อยู่อย่างไม่ดีใจ ไม่เสียใจ ดีใจมันก็ยุ่ง เสียใจมันก็ยุ่ง ไม่ดีกว่า ไม่ทั้ง ๒ อย่าง ไม่ต้องดีใจ ไม่ต้องเสียใจ สบาย นั่นแหละพักผ่อน จิตอย่างนั้นแหละเรียกว่าจิตมี “นิพพุติ” ขอให้สนใจมีชีวิตอยู่ด้วยความหยุดเย็นอย่างนี้ก็เรียกได้ว่า ได้สิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ควรจะได้รับ ถ้ามันมีแต่เรื่องรัก โกรธ เกลียด กลัว วิตกกังวล อาลัยอาวรณ์ ฯลฯ มันก็ไม่มีดีอะไร บางทีสัตว์เดรัจฉานจะดีกว่าเสียอีก สัตว์เดรัจฉานที่มันอยู่ตามธรรมชาตินั้น มันไม่ได้มีความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความกลัว วิตกกังวลฯลฯ อะไรมากเหมือนอย่างมนุษย์ มนุษย์มันคิดเก่ง มันคิดมาก เอามาคิดจนได้รัก ได้โกรธ ได้เกลียด ได้กลัว ได้วิตกกังวล อยู่ตลอดเวลา อย่างนี้มันจะน่าละอาย จะดีกว่าสัตว์เดรัจฉานสักหน่อยมันก็ไม่ได้เสียแล้ว เพราะสัตว์เดรัจฉานมันสงบกว่า พักผ่อนกว่า”

พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ธรรมบรรยายแก่คณะสมาธิภาวนา ครั้งที่ ๑ วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๓๔ ณ สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา


Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: