วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2564

"โลกถูกความมืดคือโมหะปิดไว้จึงปรากฏดุจรูปอันน่ายินดี..."

"โลกถูกความมืดคือโมหะปิดไว้จึงปรากฏดุจรูปอันน่ายินดี..."

ถึงชีวิตนี้จะมืดแปดด้าน ทุกทิศทางมืดมน มองไม่เห็น คิดไม่ออก จนปัญญาไม่รู้จะหาทางออกได้อย่างไร หากยังสับสนคิดจะหาทางออกให้ชีวิตแต่ก็ยังมืดมนไม่รู้จะไปทางไหน โปรดตั้งจิตเมตตา จงแผ่เมตตจิตไปให้สม่ำเสมอกัน ทั้งในตนเอง ในคนที่เป็นกลางๆ ในคนผู้เป็นที่รัก ในคนผู้มีเวรต่อกัน และอย่าทำความโกรธต่อใครๆ  เพราะพระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า 

“โลกถูกความมืดคือโมหะปิดไว้จึงปรากฏดุจรูปอันน่ายินดี คนพาลถูกกิเลสและกรรมผูกไว้และถูกความมืดคือโมหะแวดล้อมแล้วมักสำคัญตนว่า “เป็นผู้ยั่งยืน (แต่ไฉนได้รับความทุกข์เล่า)” แต่ความครุ่นคิดเช่นนั้นย่อมไม่มีแก่ท่านผู้รู้แจ้ง”

ธรรมดาว่าสัตว์ทั้งหลายผู้เที่ยวไปในวัฏฏะ สำหรับผู้ไม่ประมาทตลอดกาลเป็นนิตย์ย่อมทำแต่บุญกรรมไว้ ส่วนผู้มีความประมาทก็ทำบาปกรรมบ้าง  เพราะเหตุนั้น สัตว์ผู้เที่ยวไปในวัฏฏะ จึงเสวยสุขบ้าง ทุกข์บ้าง

เพราะฉะนั้น ยามชีวิตมืดแปดด้านจงถึงพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์เป็นที่พึ่งเถิด.

สาระธรรมจากธรรมบทภาค ๒ (เรื่องพระนางสามาวดี)

พระมหาวัชระ  เชยรัมย์  (ติกฺขญาโณ)

10/6/64



Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: