วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2564

ผู้อนุเคราะห์ที่โง่เขลาไม่ดี

"เสยฺโย อมิตฺโต เมธาวี, ยญฺเจ พาลานุกมฺปโก;  ปสฺส โรหิณิกํ ชมฺมึ, มาตรํ หนฺตฺวาน โสจตีติฯ (โรหิณิชาตกํ ปญฺจมํ)  ศัตรูผู้เป็นนักปราชญ์ยังดีกว่า คนโง่เขลาถึงเป็นผู้อนุเคราะห์จะดีอะไร ท่านจงดูนางโรหิณีผู้โง่เขลา ฆ่ามารดาแล้วเศร้าโศกอยู่"

โรหิณีชาดกอรรถกถา

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระมหาวิหารชื่อว่าเชตวันทรงปรารภทาสีของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีคนหนึ่งตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า เสยฺโย อมิตฺโต ดังนี้. 

ได้ยินมาว่า ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมีทาสีคนหนึ่งชื่อว่าโรหิณี. วันหนึ่ง มารดาของนางทาสีซึ่งเป็นหญิงแก่ มานอนอยู่ในโรงกระเดื่อง. ฝูงแมลงวันรุมกันตอมมารดาของนางโรหิณีนั้นกัดเจ็บเหมือนกับแทงด้วยเข็ม นางจึงบอกกับลูกสาวว่า „แม่หนู แมลงวันรุมกัดแม่  เจ้าจงไล่มันไป นางรับคำว่า „จ๊ะแม่ ฉันจะไล่มัน" เงื้อสาก คิดในใจว่า เราจักตีแมลงวันที่รุมตอมตัวของไม่ให้ตาย ให้ถึงความพินาศแล้วก็เหวี่ยงสากตำข้าว ถูกมารดา ตายคาที่. 

ครั้นเห็นมารดาตาย ก็ร้องไห้คร่ำครวญว่า "แม่ของเราตายเสียแล้ว ๆ“ คนทั้งหลาย จึงบอกเรื่องราวแก่ท่านเศรษฐี.  ท่านเศรษฐีได้การสรีรกิจตามสมควรแล้วก็ไปสู่วิหาร กราบทูลเรื่องราวทั้งหมดแก่พระบรมศาสดา. พระองค์ตรัสว่า "ดูก่อนคฤหบดี มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่นางทาสีนี้ประหารมารดาของตนตายด้วยสากตำข้าว เพราะมั่นหมายว่า จักประหารแมลงวันที่ตอมตัวของมารดา แม้ในปางก่อนก็ได้เคยประหารมารดาให้ตาย ด้วยสากซ้อมข้าวมาแล้วเหมือนกัน“ ท่านเศรษฐีกราบทูลอาราธนาแล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้. 

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี #พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลเศรษฐี ครั้นบิดาวายชนม์ก็ครองตำแหน่งเศรษฐีแทนท่านมีทาสีคนหนึ่ง ชื่อ โรหิณีเหมือนกัน แม้ทาสีนั้นก็ได้ประหารมารดาของตน ผู้มาสู่โรงกระเดื่อง บอกให้ช่วยปัดแมลงวันให้ด้วยสากซ้อมข้าวอย่างนี้นั่นแหละ ครั้นมารดาสิ้นชีวิต ก็ร้องไห้คร่ำครวญ. พระโพธิสัตว์ฟังเรื่องนั้นแล้ว ดำริว่า ถึงแม้จะเป็นศัตรูก็ขอให้เป็นบัณฑิตเถิดประเสริฐแน่แล้วกล่าวคาถานี้ว่า :-  „ศัตรูเป็นคนมีปัญญา ดีกว่า คนผู้อนุเคราะห์ แต่เป็นคนโง่ ไม่ประเสริฐเลย   จงดูนาง โรหิณีผู้โง่เง่า ฆ่าแม่ตายแล้ว ร้องไห้อยู่“ 

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เมธาวี ได้แก่ บัณฑิต คือท่านที่มีความรู้แจ่มแจ้ง.  บทว่า ยํ ในบาทคาถาว่า ยญฺเจ พาลานุกมฺปโก นี้ท่านทำเป็นลิงควิปวาส. ศัพท์ว่า เจ เป็นนิบาตใช้ในอรรถแห่งนาม. ความว่า บัณฑิตถึงแม้จะเป็นศัตรู ก็ยังดีกว่า คนโง่เขลาที่มีใจเอ็นดูกรุณา ตั้งร้อยเท่าพันเท่าทีเดียว.  อีกอย่างหนึ่ง บทว่า ยํ เป็นนิบาต ลงในอรรถว่า ปฏิเสธ ความว่า คนโง่เขลา ผู้มีใจเอ็นดู จะประเสริฐได้อย่างไร ? บทว่า ชมฺมึ แปลว่า ผู้ชั่วช้า โง่เซอะ.  บทว่า มาตรํ หนฺตวาน โสจติ ความว่า นางโรหิณีผู้โง่เง่าหมายใจว่า เราจักฆ่าแมลงวัน กลับฆ่าแม่บังเกิดเกล้าแล้วร้องไห้คร่ำครวญอยู่ด้วยตนเอง.  ด้วยเหตุนี้ในโลกนี้ แม้ถึงจะมีศัตรูก็ขอให้เป็นบัณฑิตเถิด ยังดีกว่า แน่นอน.

พระโพธิสัตว์เมื่อสรรเสริญบัณฑิตทรงแสดงธรรมแล้วด้วยคาถานี้. 

พระบรมศาสดา ตรัสว่า „ดูก่อนคฤหบดี มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่นางโรหิณีหมายใจว่า เราจักฆ่าแมลงวัน กลับฆ่ามารดาเสีย แม้ในปางก่อนก็เคยฆ่ามาแล้วเหมือนกัน“ ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาตรัสแล้วทรงสืบอนุสนธิประชุมชาดกว่า „มารดานางโรหิณีในครั้งนั้น ก็มาเป็นมารดาในครั้งนี้ ธิดาในครั้งนั้น ก็มาเป็นธิดาในครั้งนี้เหมือนกัน แต่มหาเศรษฐีในครั้งนั้นได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล“.

ที่มา : Palipage : Guide to Language - Pali




Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: