วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2565

มลทินคือความมัวหมอง

มลทินคือความมัวหมอง

พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในมลสูตร (พระสูตรว่าด้วยมลทิน) ว่า “ภิกษุทั้งหลาย มลทิน (ความมัวหมอง) ๘ ประการนี้ มลทิน ๘ ประการ อะไรบ้าง คือ

๑. มนต์มีการไม่ท่องบ่นเป็นมลทิน

๒. เรือนมีความไม่ขยันหมั่นเพียรเป็นมลทิน

๓. ผิวพรรณมีความเกียจคร้านเป็นมลทิน

๔. ผู้รักษามีความประมาทเป็นมลทิน

๕. สตรีมีความประพฤติชั่วเป็นมลทิน

๖. ผู้ให้มีความตระหนี่เป็นมลทิน

๗. บาปอกุศลธรรมเป็นมลทินทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

๘. มลทินที่ยิ่งกว่ามลทินนั้นคืออวิชชา

ภิกษุทั้งหลาย มลทินมี ๘ ประการนี้แล” ดังนี้เป็นต้น ฯ

ส่วนในอรรถกถามลสูตรท่านอธิบายไว้ว่า “การไม่ทำการสาธยายมนต์ที่ตนเรียนแล้ว ชื่อว่าเป็นมลทินแห่งมนต์, ส่วนความไม่ขยันหมั่นเพียรชื่อว่าเป็นมลทินแห่งเรือน, ความเกียจคร้านเป็นมลทินผิวพรรณของกาย, ความประมาทเป็นมลทินแห่งรักษาสิ่งใดสิ่งหนึ่งอันเป็นสมบัติของตน, ส่วนอวิชชาคือความมืดบอดหนาแน่น กล่าวคือมูลแห่งวัฏฏะอันเป็นความไม่รู้ในฐานะ ๘ เป็นมลทินอย่างยิ่งกว่ามลทินคืออกุศลธรรมที่เหลือนั้น เพราะฉะนั้น มลทินอื่นที่ชื่อว่ายิ่งกว่าอวิชชานั้นไม่มี” ดังนี้ ฯ

สาระธรรมโดยย่อจากมลสูตร อัฏฐกนิบาต อังคุตตรนิกาย 

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) วัดสามพระยา กรุงเทพฯ , 30/4/65

เหตุไฉนผิวพรรณจึงผ่องใส ? , ทุกข์ปรากฎที่ไหนต้องดับที่นั้น , รู้เพื่อละ , การดับทุกข์ได้จริงและถูกต้อง ต้องไม่ทำบาปดับทุกข์ , การใคร่ครวญก่อนแล้วจึงตัดสินใจเป็นการดี



Previous Post
Next Post

0 comments: