มิลินทปัญหา (ตอนที่ ๑๗) กัณฑ์ที่ ๔, เมณฑกปัญหา วรรคที่ ๑ อิทธิพลวรรค
ปัญหาที่ ๑ กตาธิการสผลปัญหา (วัญฌาวัญฌภาวปัญหา)
ครั้งนั้นแล พระเจ้ามิลินท์ พอท่านพระนาคเสนเถระ ถวายพระพรเปิดพระโอกาสให้ทรงซักถามแล้ว ก็ทรงหมอบลงแทบเท้าท่านผู้เป็นครู ทรงกระทำพระอัญชลีไว้เหนือพระเศียร ตรัสความข้อนี้ว่า พระคุณเจ้านาคเสน พวกเดียรถีย์นี้พากันกล่าวอย่างนี้ว่า ถ้าหากว่า พระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จดับขันปรินิพพาน ยังทรงประกอบอยู่กับโลก ยังทรงมีอยู่ในโลก ยังทรงสาธารณะอยู่ด้วยโรค ไซร้ พระพุทธเจ้าก็ทรงยินดีการบูชาได้ เพราะฉะนั้น อธิการ (การกระทำที่ยิ่ง มีการให้ การบูชา เป็นต้น) ที่บุคคลกระทำต่อพระพุทธเจ้านั้น ก็ไม่เป็นหมัน เป็นของมีผล ถ้าหากว่าเสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงประกอบกับโลกแล้ว ส่งสลัดออกไปจากภพทั้งปวงแล้ว ไซร้ การบูชาพระพุทธเจ้านั้น ก็ไม่เกิดผล พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว จะทรงยินดีการกระทำอะไรๆ มิได้ อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระพุทธเจ้าผู้ไม่จงยินดีอยู่ ย่อมเป็นหมัน ไม่มีผล ดังนี้ ปัญหานี้มี ๒ เงื่อน ปัญหานี้ไม่ใช่วิสัยของบุคคลผู้มีใจยังไม่บรรลุ ปัญหานี้เป็นวิสัยของท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายเท่านั้น ขอท่านจงทำลายข่าย คือทิฏฐินี้ ขอจงดำรงไว้แต่ในฝ่ายเดียวเถิด ปัญหานี้ ตกถึงแก่ท่านแล้ว ขอท่านจงให้ดวงตาแก่ภิกษุอนาคตผู้เป็นโอรสของพระชินวรพุทธเจ้าทั้งหลาย เพื่อใช้ปรปวาทะ (วาทะโต้แย้งของฝ่ายอื่น) เถิด
พระเถระถวายพระพรวิสัชนา ว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร พระผู้มีพระภาคเสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว และพระผู้มีพระภาคก็ไม่ทรงยินดีการบูชา พระตถาคตทรงละความยินดีเสียได้แล้วที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์นั่นเทียว จะต้องมีคำพูดอะไรสำหรับพระตถาคตผู้เสด็จดับขันปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุเล่า ขอถวายพระพร ท่านพระสารีบุตรเถระก็ได้ภาษิตความข้อนี้ไว้แล้วว่า :- “พระพุทธเจ้าผู้ทรงเสมอเหมือนกับบุคคลผู้หาใครเสมอเหมือนไม่ได้ ผู้อันมนุษย์พร้อมทั้งเทวดาทั้งหลายบูชา เหล่านั้น ย่อมไม่ทรงยินดีการสักการะบูชา ข้อที่ว่านี้ จัดเป็นธรรมดาสำหรับพระพุทธเจ้าทั้งหลาย”
พระราชารับสั่งว่า พระคุณเจ้านาคเสน ธรรมดาว่าบุตรก็ย่อมกล่าวสรรเสริญบิดา หรือว่าบิดาก็ย่อมกล่าวสรรเสริญบุตร คำที่ท่านกล่าวมานี้ ยังใช้เป็นเหตุผลเพื่อคมวาทะของฝ่ายอื่นมิได้หรอก คำที่ท่านกล่าวมานี้ เป็นเพียงคำป่าวประกาศด้วยความเลื่อมใสเท่านั้น ข้าพเจ้าขอร้องล่ะ ขอท่านจงบอกเหตุในปัญหานั้น อย่างที่ถูกต้อง แก่ข้าพเจ้า เพื่อการดำรงไว้ซึ่งวาทะฝ่ายตน เพื่อเปลื้องข่ายคือทิฏฐิ (ของฝ่ายอื่น) เกิด. พระเถระถวายพระพรวิสัชนา ว่า ขอถวายพระพรพระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานแล้ว และพระผู้มีพระภาคก็ไม่ทรงยินดีการบูชา พวกเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อได้ทำพระธาตุรัตน (แก้วคือพระธรรมเทศนา) ของพระตถาคตผู้ไม่ทรงยินดีการบูชา ให้เป็นที่ตั้งอาศัย ส้องเสพข้อปฏิบัติโดยชอบมีพระญาณรัตนะ (แก้วคือพระญาณที่ตรัสรู้สัจธรรมทั้งหลาย) ของพระตถาคต เป็นอารมณ์อยู่ ก็ย่อมได้รับสมบัติ ๓ อย่าง. ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนว่า กองไฟใหญ่ลุกโพลงแล้วก็ดับไป ขอถวายพระพร กองไฟใหญ่นั้นยินดีเนื้อคือหญ้าหรือไม้แห้ง หรือไร?
พระเจ้ามิลินท์, พระคุณเจ้า กองไฟใหญ่นั้น แม้นยังลุกโพลงอยู่ ก็หายินดีเชื้อคือหญ้าหรือไม้แห้งไม่ จะป่วยกล่าวไปใยถึงกองไฟที่ดับแล้ว สงบแล้ว หาเจตนามิได้เล่า. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร เมื่อไฟกองนั้นดับแล้ว ระงับแล้ว สงบแล้ว ไปก็เป็นอันสูญหายไปในโลกหรือ? พระเจ้ามิลินท์, หามิได้ พระคุณเจ้า ไม้แห้งอันเป็นที่ตั้งอาศัยแห่งไฟ เป็นเชื้อไฟ ก็มีอยู่ พวกคนทั้งหลาย บรรดาที่ต้องการไฟ ย่อมใช้เรี่ยวแรงกำลังและความพยายามของตนสีไม้แห้ง โดยวิธีการเฉพาะตนแต่ละคน ทำไฟให้ไปบังเกิดได้ แล้วก็ใช้ไฟนั้นกระทำการงานทั้งหลายที่ต้องทำด้วยไฟ ได้. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น คำพูดของพวกเดียรถีย์ที่ว่า อาทิการที่บุคคลกระทำต่อพระพุทธเจ้าผู้ไม่ทรงยินดีอยู่ ยอมเป็นหมันไม่มีผล ดังนี้ ก็ย่อมเป็นคำพูดที่ถูกต้อง
ขอถวายพระพร กองไฟใหญ่ย่อมลุกโพลงฉันใด แม้พระผู้มีพระภาค ก็ทรงลุกโพลง (รุ่งเรือง) ด้วยพระพุทธรัศมีที่ส่งไปได้ตลอดหมื่นโลกธาตุ ฉันนั้นเหมือนกัน ขอถวายพระพร กองไฟใหญ่ลุกโพลงแล้วก็ดับไป ฉันใด พระผู้มีพระภาคก็ทรงลุกโพลง รุ่งเรือง ด้วยพระพุทธรัศมีที่ส่องไปได้ตลอดหมื่นโลกธาตุ แล้วก็เสด็จดับขันปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสนิพพานธาตุ ฉันนั้นเหมือนกัน ขอถวายพระพร กองไฟใหญ่ที่ดับแล้ว ย่อมไม่ยินดีเชื้อคือหญ้าหรือไม่แห้ง ฉันใด พระผู้มีพระภาคทรงมีน้ำพระทัยเกื้อกูลแก่ชาวโลก ก็ทรงละความยินดี ทรงสงบความยินดีได้แล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนว่า เมื่อไฟสิ้นเชื้อดับไปแล้ว คนทั้งหลายก็ใช้เรี่ยวแรงกำลังและความพยายามของตนสีไม้แห้ง โดยวิธีการเฉพาะแต่ละคน ทำไฟให้บังเกิดได้ แล้วก็ใช้ไฟนั้นทำการงานทั้งหลายที่ต้องทำด้วยไฟ ได้ ฉันใด ขอถวายพระพร พวกเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เมื่อได้กระทำพระธาตุรัตนะของพระตถาคต ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยทีเดียว ให้เป็นที่ตั้งอาศัย ส้องเสพข้อปฏิบัติชอบ ก็ย่อมไม่ได้รับสมบัติ ๓ อย่างฉันนั้นเหมือนกัน ขอถวายพระพร อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระผู้มีพระภาค ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ย่อมไม่เป็นหมัน เป็นของมีผล แม้เพราะเหตุคือการทำ พระธาตุรัตนะ และพระญาณรัตนะให้เป็นที่ตั้งอาศัยแห่งการปฏิบัติ นี้แล
ขอถวายพระพร ขอพระองค์จงทรงสดับเหตุแม้อย่างอื่นยิ่งอีกหน่อยเถิด ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้อาธิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคต ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยเชียว ไม่เป็นหมัน เป็นของมีผล ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนว่า ลมใหญ่พัดไปแล้ว ก็ขาดหายไป ขอถวายพระพร รวมที่ขาดหายไปแล้วนั้น ย่อมยินดีการทำให้บังเกิดอีกหรือ? พระเจ้ามิลินท์, หามิได้ พระคุณเจ้า ร่มที่ขาดหายไปแล้วนั้น ไม่มีการคำนึงหรือการใส่ใจเพื่อการทำให้บังเกิดอีกเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า ธาตุลมนั้นเป็นสิ่งที่หาเจตนา (ความคิด,ความตั้งใจ) มิได้. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร สมญา (ชื่อที่หมายรู้กัน) ว่า ลม แห่งลมที่ขาดหายไปแล้วนั้น พลอยขาดหายไปด้วยหรือ? พระเจ้ามิลินท์, หามิได้พระคุณเจ้า พัดใบตาลและเครื่องเป่าลม ซึ่งเป็นปัจจัยแก่ความเกิดขึ้นแห่งลม มีอยู่ พวกคนทั้งหลายที่ถูกความร้อนบีบคั้น เพราะอากาศร้อนอบตัวย่อมใช้พัดใบตาลบ้าง เครื่องเป่าลมบ้าง ทำรมนั้นให้บังเกิด โดยวิธีการของแต่ละคน โดยเรี่ยวแรงและกำลังและความพยายามของตนได้แล้ว ก็ย่อมดับอากาศร้อน ย่อมสงบความร้อนแห่งกาย ด้วยลมนั้นได้. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น คำพูดของเดียรถีย์ที่ว่า อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระพุทธเจ้าผู้ไม่ทรงยินดีอยู่ ย่อมเป็นหมันไม่มีผล ดังนี้ ก็ย่อมเป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้อง
ขอถวายพระพร ลมใหญ่ได้พักไปแล้ว ฉันใด พระผู้มีพระภาคก็ทรงมีลม คือพระเมตตาที่เยือกเย็นนุ่มนวลแผ่วเบาละเอียด พัดไปตลอดหมื่นโลกธาตุ ฉันนั้นเหมือนกัน ขอถวายพระพร ลมใหญ่ พัดไปแล้วก็ขาดหายไป ฉันใด พระผู้มีพระภาคทรงมีลม คือพระเมตตาที่เยือกเย็นนุ่มนวลแผ่วเบาละเอียด พัดไปแล้ว ก็เสด็จดับขันปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ฉันนั้นเหมือนกัน ขอถวายพระพร ลมที่ขาดหายไปแล้ว ย่อมไม่ยินดีการทำให้บังเกิดอีก ฉันใด พระผู้มีพระภาค ผู้ทรงมีน้ำพระทัยเกื้อกูลแก่ชาวโลก ก็ทรงละ ทรงสงบความยินดีได้แล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน ขอถวายพระพร ผู้คนทั้งหลายเป็นผู้ถูกความร้อนบีบคั้นเพราะอากาศร้อนอบตัว ฉันใด พวกเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายก็เป็นผู้ถูกความร้อนจากความเผาไหม้แห่งไฟ ๓ กอง บีบคั้น ฉันนั้นเหมือนกัน พัดใบตาลและเครื่องเป่าลมย่อมเป็นปัจจัยแก่ความเกิดขึ้นแห่งลม ฉันใด พระธาตุรัตนะและพระญาณรัตนะ ก็ย่อมเป็นปัจจัยแก่การได้มาซึ่งสมบัติ ๓ อย่าง ฉันนั้นเหมือนกัน พวกคนทั้งหลาย ผู้ถูกความร้อนบีบคั้น เพราะอากาศร้อนอบตัวย่อมใช้พัดใบตาลบ้าง เครื่องเป่าลมบ้าง ทำลมให้บังเกิดได้แล้วก็ย่อมดับอากาศร้อน ย่อมสงบความร้อนแห่งกายได้ ฉันใด พวกเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย บูชาพระธาตุรัตนะและพระญาณรัตนะของพระตถาคต ผู้เสด็จ ดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลย ทำกุศลให้บังเกิด ก็ย่อมดับ ย่อมสงบความร้อนจากความเผาไหม้แห่งไฟ ๓ กอง ด้วยกุศลนั้นได้ฉันนั้นเหมือนกัน ขอถวายพระพร อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคตผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่นั่นเทียวก็ย่อมไม่เป็นหมัน เป็นของมีผล แม้เพราะสาเหตุคือการบูชาพระธาตุรัตนะและพระญาณรัตนะทำกุศลให้บังเกิดนี้
ขอถวายพระพร ขอพระองค์ทรงทรงสดับแม้นอย่างอื่นยิ่งอีกหน่อยเถิด เพื่ออันข่มเสียซึ่งวาทะฝ่ายอื่นทั้งหลาย ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนว่า บุรุษคนหนึ่งตีกลองให้บังเกิดเสียงดัง เสียงกลองที่บุรุษทำให้บังเกิดนั้นแล้วนั้น จะเพิ่งเงียบหายไป ขอถวายพระพร เสียงที่เงียบหายไปแล้วนั้น ย่อมยินดีการทำให้บังเกิดอีกหรือไร? พระเจ้ามิลินท์, หามิได้รักคุณเจ้า เสียงนั้นเงียบหายไปแล้ว เสียงที่เงียบหายไปแล้วนั้นย่อมไม่มีการคำนึงหรือการใส่ใจเพื่อทำให้เกิดขึ้นอีก เมื่อเสียงกลองเกิดดังขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วเงียบหายไป เสียงกลองนั้นก็เป็นอันขาดสายไปแล้ว พระคุณเจ้า ก็แต่ว่ากรองซึ่งเป็นปัจจัยแก่ความบังเกิดแห่งเสียง ก็ยังมีอยู่ ลำดับนั้น เมื่อปัจจัยมีอยู่ บุรุษก็ใช้ความพยายามที่เกิดขึ้นในตนเองตีกลองให้เกิดเสียงได้อีก
พระนาคเสน, ขอถวายพระพร อุปมาฉันใดอุปไมยก็ฉันนั้นเหมือนกัน พระผู้มีพระภาคก็ทรงตั้งพระธาตุรัตนคือพระธรรมพระวินัยที่ทรงอนุศาสน์ไว้ ที่พระองค์ทรงใช้ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และวิมุติญาณทัศนะทำให้เกิดขึ้น ให้เป็นพระศาสดา แล้วพระองค์เองก็เสด็จดับขันปรินิพพานไป ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ แปลว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ลาภคือสมบัติทั้งหลายจะเป็นอันขาดหายไป หาไม่ได้ สัตว์ทั้งหลาย ผู้ถูกทุกข์ในภพบีบคั้น ครั้นได้ทำพระธาตุรัตน คือพระธรรมและพระวินัยที่ทรงอนุศาสน์ไว้ให้เป็นปัจจัยแล้ว เป็นผู้ต้องการสมบัติ ก็ย่อมได้รับสมบัติทั้งหลาย ขอถวายพระพร อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคตผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยทีเดียว ย่อมไม่เป็นหมัน เป็นของมีผล แม้เพราะเหตุคือการทำพระธาตุรัตนะให้เป็นปัจจัยนี้ แล. ขอถวายพระพร เหตุการณ์ในอนาคตข้อนี้ พระผู้มีพระภาคทรงเล็งเห็นแล้ว พระผู้มีพระภาคได้รับสั่ง ได้ตรัส ได้ทรงบอกกล่าวว่าอย่างนี้ว่า :-
“สิยา โข ปนานนฺท ตุมฺหากํ เอวมสฺส, อตีตสตฺถุกํ ปาวจนํ, นตฺถิ โน สตฺถาติ, น โข ปเนตํ อานนฺท เอวํ ทฏฺฐพฺพํ, 'โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา.” (ที.มหา. ๑๐/๑๓๙) “นี่แน่ะ อานนท์พวกเธออาจมีความคิดอย่างนี้ว่า ถ้อยคำที่เป็นประธานของพระศาสดาผู้เสด็จล่วงลับไปแล้ว มีอยู่ (แต่) พระศาสดาของพวกเราหามีอยู่ไม่ ดังนี้ นี่แน่ะ อานนท์ข้อนี้เธอไม่พึงเห็นอย่างนี้ นี่แน่ะอานนท์ ธรรมและวินัยที่เราได้แสดงไว้แล้ว ได้บัญญัติไว้แล้วใด ธรรมและวินัยนั้น ย่อมเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายเมื่อเราได้ล่วงลับไปแล้ว ดังนี้.”
อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคต ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่ จึงไม่เป็นหมัน จึงเป็นของมีผล คำพูดของพวกเดียรถีย์เหล่านั้น ไม่ถูกต้อง ไม่จริง ไม่แท้ เป็นคำพูดเหลวไหล เป็นคำพูดผิดพลาด เป็นคำพูดวิปริต เป็นคำพูดที่ให้ทุกข์ มีวิบากทุกข์ เป็นเหตุไปอบาย แล. ขอถวายพระพร ขอพระองค์จงทรงสดับเหตุแม้อย่างอื่นยิ่งอีกหน่อยเถิด ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคต ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยเทียว ไม่เป็นหมัน เป็นของมีผล ขอถวายพระพร แผ่นดินใหญ่นี้ ย่อมยินดีอยู่อย่างนี้ ว่า พืชทั้งหลายทั้งปวงนอกขึ้นบนเรา ดังนี้หรือไร? พระเจ้ามิลินท์, หาไม่ได้พระคุณเจ้า. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร เมื่อแผ่นดินใหญ่ไม่ได้ยินดีอยู่ เพราะเหตุไร พืชเหล่านั้นจึงยังงอกขึ้น มีรกรากมั่นคง มีลำต้นมีแก่งตั้งมั่น มีกิ่งก้านแผ่ไปโดยรอบ ผลิตดอกและผลได้เล่า? พระเจ้ามิลินท์, พระคุณเจ้า แผ่นดินใหญ่ แม้ว่าไม่ยินดีอยู่ แต่ก็เป็นที่ตั้งอาศัยแห่งพืชเหล่านั้น ย่อมมอบปัจจัยเพื่อให้งอกขึ้นมาได้ พืชเหล่านั้น ได้อาศัยแผ่นดินใหญ่นั้น เป็นที่ตั้งอาศัยแล้ว ก็งอกงามขึ้นมา มีรกรากมั่นคง มีลำต้นมีแก่งตั้งมั่น มีกิ่งก้านแผ่ไปโดยรอบ ผลิตดอกและผลได้ เพราะปัจจัยนั้น
พระนาคเสน, ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น พวกเดียรถีย์เหล่านั้น ก็ย่อมเป็นคนฉิบหาย เป็นคนพินาศ เป็นคนผิดพลาดในเพราะวาทะของตนเอง ถ้าหากเขากล่าวว่า อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระพุทธเจ้า ผู้ไม่ทรงยินดีอยู่ ย่อมเป็นหมัน เป็นของไม่มีผล ดังนี้ไซร้. ขอถวายพระพร พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเปรียบได้ด้วยแผ่นดินใหญ่ ขอถวายพระพร แผ่นดินใหญ่ย่อมไม่ยินดีพืชอะไรๆฉันใด พระตถาคตก็ไม่ทรงยินดีอธิการอะไรๆฉันนั้น ขอถวายพระพร พืชเหล่านั้นได้อาศัยแผ่นดินแล้วก็ย่อมงอกขึ้นมาได้ มีรกรากมั่นคง มีลำต้นมีแก่นตั้งมั่น มีกิ่งก้านแผ่ไปโดยรอบ ผลิตดอกและผลได้ ฉันใด พวกเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้อาศัยพระธาตุรัตนะ และพระญาณรัตนะของพระตถาคตผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ก็ย่อมเป็นผู้มีรากเหง้าคือกุศลมูลมั่นคง มีลำต้นคือสมาธิและกันคือธรรมตั้งมั่น มีกิ่งก้านคือศีลแผ่ไปโดยรอบ ผลิตดอกคือวิมุตติและผลคือสามัญญผล ฉันนั้นเหมือนกัน ขอถวายพระพร อาทิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคต ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยทีเดียว ยอมไม่เป็นหมัน ย่อมเป็นของมีผล แม้เพราะเหตุคือการอาศัยพระธาตุรัตนะและพระญาณรัตนะเป็นที่เพาะปลูกกุศลมูลเป็นต้นนี้ แล
ขอถวายพระพรขอพระองค์จงทรงสดับเหตุแม้อย่างอื่นยิ่งอีกหน่อยเถิด ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคต ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยทีเทียว ไม่เป็นหมัน เป็นของมีผล ขอถวายพระพร พวกสัตว์เหล่านี้ คือ อูฐ แพะ แกะ สัตว์เลี้ยงและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมยินดีการที่หมู่หนอน (ตัวพยาธิ) เกิดอยู่ภายในท้อง หรือไร? พระเจ้ามิลินท์, หามิได้พระคุณเจ้า. พระนาคเสน, เมื่อสัตว์เหล่านั้นไม่ยินดีอยู่ เพราะเหตุไรพวกหนอนเหล่านั้นก็ยังคงเกิดภายในท้อง แล้วลูกหลานมากมาย ถึงความไพบูลย์ (แพร่พันธุ์) อยู่ได้เล่า? พระเจ้ามิลินท์, พระคุณเจ้า เพราะความที่กรรมชั่ว ที่สัตว์เหล่านั้นเคยทำไว้ มีกำลัง พวกนอนทั้งหลายจึงเกิดภายในท้องของสัตว์เหล่านั้น แล้วมีลูกหลานมากมาย ถึงความไพบูลย์อยู่ได้
พระนาคเสน, อุปมาฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้นเหมือนกัน อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคตผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยทีเดียว ย่อมไม่เป็นหมัน ย่อมเป็นของมีผล เพราะพระธาตุรัตนะและพระญาณรัตนะเป็นธรรมชาติที่มีกำลัง แล. ขอถวายพระพร ขอพระองค์จงทรงสดับเหตุแม้นอย่างอื่นยิ่งอีกหน่อยเถิด ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคต ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยเชียว ไม่เป็นหมัน เป็นของมีผล ขอถวายพระพร พวกคนทั้งหลายย่อมยินดีอย่างนี้ว่า ขอโลก ๙๘ อย่างเหล่านี้ จงบังเกิดขึ้นในร่างกายเกิด ดังนี้ หรือไร? พระเจ้ามิลินท์, หาไม่ได้พระคุณเจ้า. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร เมื่อคนทั้งหลายไม่ยินดีอยู่ เพราะเหตุใรโรคเหล่านั้น ยังคงตกไปในร่างกายได้เล่า? พระเจ้ามิลินท์, พระคุณเจ้า โรคเหล่านั้นยังคงตกไปในร่างกายของคนผู้ไม่ยินดีอยู่เหล่านั้นได้ ก็เพราะทุจริตที่เขาได้ทำไว้ในภพก่อน. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร ถ้าหากว่าอกุศลกรรมที่เขาทำไว้ในภพก่อน ย่อมมีผลที่พึงเสวยได้ในภพนี้ไซร้ ขอถวายพระพรถ้าอย่างนั้น กุศลกรรมและอกุศลกรรมทั้งที่ได้ทำไว้ในภพก่อน ทั้งที่ได้ทำไว้ในภพนี้ ก็ย่อมไม่เป็นหมัน ย่อมเป็นของมีผล ขอถวายพระพร อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคต ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยทีเดียว ย่อมไม่เป็นหมัน ย่อมเป็นของมีผล แม้เพราะเหตุคือกุศลกรรมที่ได้ทำไว้เป็นของมีผลนี้ แล. ขอถวายพระพรพระองค์เคยทรงสดับเรื่องยักษ์ชื่อนันทกะ ทำร้ายท่านพระสารีบุตรเถระแล้วจมแผ่นดินใหญ่ไป (ถูกธรณีสูบ) หรือไม่?
พระเจ้ามิลินท์, เคยฟัง พระคุณเจ้า เรื่องนี้ปรากฎอยู่ในโลก. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร ท่านพระสารีบุตรเถระยินดีการที่นันทกยักษ์ถูกแผ่นดินใหญ่กลืนกินหรือไร? พระเจ้ามิลินท์, พระคุณเจ้า แม้เมื่อโลกพร้อมทั้งเทวโลกจะฉีกขาดไป แม้เมื่อพระจันทร์และพระอาทิตย์จะตกหายไป แม้เมื่อขุนเขาสิเนรุจะแหลกกระจายไป ท่านพระสารีบุตรเถระ ก็ไม่ยินดีทุกข์ของสัตว์อื่น ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร เป็นเพราะเหตุว่า เหตุที่ทำให้พันธุ์พระสารีบุตรเถระโกรธ หรือว่าคิดร้าย ท่านพระสารีบุตรเถระถอนขึ้นได้แล้ว ตัดขาดได้แล้ว พระคุณเจ้า ท่านพระสารีบุตรไม่ทำความขุ่นเคืองในบุคคล แม้ว่าเป็นผู้จะมาพรากชีวิต ก็เพราะความที่ท่านถอนเหตุได้. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร ถ้าหากว่า ท่านพระสารีบุตรเถระไม่ยินดีการที่นันทกยักษ์ถูกแผ่นดินกลืนกินแล้วไซร้ เพราะเหตุไร นันทกยักษ์จึงยังคงจมไปในแผ่นดินอีกเล่า? พระเจ้ามิลินท์, พระคุณเจ้าเพราะการทำร้ายพระสารีบุตรเถระเป็นอกุศลที่มีกำลัง นันทกยักษ์จึงจมลงไปในแผ่นดินได้
พระนาคเสน, ขอถวายพระพร ถ้าหากว่า นันทกยักษ์จมไปในแผ่นดิน เพราะกรรมนั้น เป็นอกุศลกรรมที่มีกำลังไซร้ ก็เป็นอันว่าความผิดที่นันทกยักษ์กระทำต่อท่านพระสารีบุตรเถระ ผู้แม้นไม่ยินดีอยู่ ย่อมไม่เป็นหมัน ย่อมเป็นของมีผล ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคตผู้ไม่ยินดีอยู่ ก็ย่อมไม่เป็นหมัน ย่อมเป็นของมีผล เพราะความที่แม้กุศลกรรมก็มีกำลัง (ปาฐะ เป็น “อกุสลสฺสปิ กมฺมสฺส พลวตาย – เพราะความที่แม้อกุศลกรรมมีกำลัง” เข้าใจว่าคาดเคลื่อน น่าจะเป็น “กุสลสฺสปิ กมฺมสฺส พลวตาย – เพราะความที่แม้กุศลกรรมก็มีกำลัง” ได้แปลตามที่เห็นว่าน่าจะเป็น). ขอถวายพระพร การที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคต ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยเทียว ย่อมไม่เป็นหมัน ย่อมเป็นของมีผล แม้เพราะเหตุคือความที่กุศลกรรมเป็นของมีกำลังนี้ แล. ขอถวายพระพร พวกคนทั้งหลายที่จมแผ่นดินใหญ่ไปในพระพุทธกาลนี้ มีสักกี่คน พระองค์ทรงมีอันได้สดับในเรื่องนี้บ้าง หรือไม่?
พระเจ้ามิลินท์, ใช่พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ฟังมา. พระเจ้ามิลินท์, พระคุณเจ้าได้ฟังเรื่องนี้มา ว่ามีชน 5 คนได้จมแผ่นดินใหญ่ไป คือ นางจิญจมาณวิกา ๑ พระเทวทัตเถระ ๑ นันทกยักษ์ ๑ นันทมานพ ๑. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร คนเหล่านั้นทำความผิดในใคร? พระเจ้ามิลินท์, ทำความผิดในพระผู้มีพระภาคและในบรรดาพระสาวก พระคุณเจ้า. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคก็ตามพระสาวกทั้งหลายก็ตาม ทรงยินดีการที่คนเหล่านี้จมแผ่นดินใหญ่ไป หรือไร? พระยามิลินท์, หามิได้พระคุณเจ้า. พระนาคเสน, ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น อาทิการที่บุคคลกระทำต่อพระตถาคต ผู้เสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่เลยทีเดียว ก็ย่อมไม่เป็นหมัน ย่อมเป็นของมีผล. พระเจ้ามิลินท์, พระคุณเจ้านาคเสน ปัญหาที่ลึกซึ้งท่านก็ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจดีแล้ว ทำให้ตื้นได้แล้ว ท่านได้เปิดเผยสิ่งลี้ลับแล้ว ท่านได้ทำลายเงื่อนปมแล้ว ท่านได้ทำข้อที่ยุ่งเหยิงให้หมดยุ่งเหยิงแล้ว วาทะโต้แย้งของฝ่ายอื่น ท่านก็ได้ทำให้พินาศแล้ว ทิฏฐิที่ชั่วช้าที่เกิดแก่พวกเดียรถีย์ท่านก็ได้หักทำลาย ทำให้หมดรัศมีแล้ว ท่านชื่อว่าเป็นผู้องอาจอยู่ ในบรรดาเจ้าคณะผู้ประเสริฐยอดเยี่ยมทั้งหลาย. จบกตาธิการรสผลปัญหาที่ ๑
คำอธิบายปัญหาที่ ๑
ในเมณฑกปัญหากันณฑ์นี้ มี ๗ วรรค มีอิทธิพลวรรคเป็นต้น แม้นายอิทธิพลวรรคนี้ ก็มีปัญหาที่พระเจ้ามิลินท์ทรงปรารภเกี่ยวกับเป็นคำถาม ๑๐ ปัญหา มีกตาธิการสผลปัญหา เป็นต้น. คำว่า กตาธิการสผลปัญหา แปลว่า ปัญหาเกี่ยวกับอธิการที่บุคคลได้กระทำ เป็นของมีผล (ในฉบับของไทยและในอรรถกถา เป็น วัญฌาวัญฌภาวปัญหา แปลว่า ปัญหาเกี่ยวกับภาวะที่อธิการที่บุคคลกระทำเป็นหมัน หรือไม่เป็นหมัน). คำว่า เดียรถีย์ ได้แก่ บุคคลผู้ถือท่าคือลัทธิอื่น. คำว่า อธิการ ความว่า การกระทำที่ยิ่งคือพิเศษ มีการกราบไหว้ การนับถือ การเคารพ การบูชาด้วยปัจจัยไทยทำเป็นต้น ที่พิเศษยิ่ง ต่อบุคคลที่ยิ่ง คือพิเศษด้วยคุณธรรมทั้งหลาย มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้น ชื่ออธิการ ในที่นี้
บทว่า วญฺฌ – เป็นหมัน , อวญฺฌ – ไม่เป็นหมัน ความว่า หญิงที่ไม่อาจถือเอาครรภ์ (ไม่อาจมีครรภ์) จึงไม่อาจมีบุตรได้ ก็ดี แม้นอาจถือเอาครรภ์ได้ แต่ครรภ์นั้น ก็ตกไปในเวลาที่ยังอ่อนอยู่นั่นเทียว ทุกครั้งไป จึงไม่อาจมีบุตรได้ก็ดีเรียกว่า “วญฺฌิตฺถี – หญิงหมัน” เพราะว่า ว – อักษร ในบทว่า วญฺฌา นี้มีอรรถว่า “บุตร”, ฌ – อักษร มีอรรถว่า “เสื่อมพินาศ” เพราะฉะนั้น จึงมีวจนัตถะ (ความหมายของคำ) ว่า “หญิง ชื่อว่า หญิงหมัน เพราะอรรถว่า “เสื่อมบุตร” ดังนี้ หญิงชื่อว่า หญิงหมัน เพราะเหตุที่ไม่อาจมีบุตรได้ฉันใด เมื่ออาธิการที่บุคคลกระทำไม่มีผล ไม่มีอานิสงส์ ก็ย่อมเป็นดุจหญิงหมัน จึงชื่อว่า วญฺฌ – เป็นหมัน ฉันนั้น, ไม่ใช่ ก็ชื่อว่า อวญฺฌ (ไม่เป็นหมัน). คำว่า ปัญหานี้มี ๒ เงื่อน คือมีื ๒ เงื่อนขัดแย้งกันอยู่อย่างนี้ คือเมื่อทรงพระชนม์ชีพอยู่ อธิการที่บุคคลกระทำต่อพระองค์ก็ไม่เป็นหมัน เป็นของมีผล เพราะทรงยินดียอมรับอยู่ เมื่อเสด็จดับขันปรินิพพานแล้ว ก็เป็นหมัน ไม่มีผล เพราะทรงหาความยินดีมิได้แล้ว. คำว่า บุคคลผู้มีใจยังไม่บรรลุ คือบุคคลผู้มีจิตยังไม่บรรลุความเป็นพระอรหันต์. คำว่า ของท่านผู้ยิ่งใหญ่ คือของท่านผู้มีศักดิ์ใหญ่ คือเป็นพระอรหันต์
คำว่า ผู้เสด็จดับขันปรินิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ความว่า ชื่อว่านิพพาน มี ๒ อย่างโดยปริยายได้แก่ สอุปาทิเสสนิพพาน และ อนุปาทิเสสนิพพาน แปลว่า นิพพานที่ยังมีอุปาทิ คือขันธ์ ๕ เหลืออยู่ มีความหมายว่า เป็นความดับกิเลสอย่างเดียว ยังไม่ดับขันธ์ อธิบายว่า เป็นนิพพานธาตุของพระอรหันต์ผู้ยังดำรงชีวิตอยู่ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กิเลสนิพพาน ส่วน อนุปาทิเสสนิพพาน แปลว่า นิพพานที่ไม่มีอุปาทิ คือขันธ์ 5 เหลืออยู่ มีความหมายว่า ดับแม้ขันธ์ ๕ ได้ โดยประการที่ไม่มีครรภ์เกิดขึ้นสืบต่อในภพใหม่อีกในคราวจุติ (เคลื่อน, ตาย) อธิบายว่าเป็นการตายของพระอรหันต์ นิพพานทั้ง ๒ อย่างนั้น นั่นเอง ชื่อว่า ธาตุ เพราะอรรถว่าทรงไว้ซึ่งสภาวะที่สงบ เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่า นิพพานธาตุ พระตถาคตเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน คือทรงมีความดับรอบแห่งขันธ์แล้ว ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุนั้น
คำว่า พระธาตุรัตนะ ความว่า แม่พระธรรมเทศนา ก็ชื่อว่าธาตุ โดยความหมายว่า ทรงคำสอนของพระศาสดาไว้ แก้วประเสริฐคือพระธรรมเทศนานั้นชื่อว่า พระธาตุรัตนะ. คำว่า ทำให้เป็นที่ตั้งอาศัย คือทำให้เป็นปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งสัมมาทิฏฐิ โดยการที่ตั้งไว้ในฐานะแห่ง ปรโตโฆสะ (คำบอกกล่าวแนะนำจากผู้อื่นซึ่งเป็นกัลยาณมิตร). คำว่า ข้อปฏิบัติชอบ คือข้อปฏิบัติอันเป็นมรรคส่วนเบื้องต้น กล่าวคือวิปัสสนา. คำว่า โดยมีพระญาณรัตนะของพระตถาคตเป็นอารมณ์ คือโดยมีแก้วประเสริฐ คือพระญาณที่ตรัสรู้ของพระตถาคตเป็นอุปนิสัย กล่าวคือ น้อมใจเชื่อว่าพระตถาคตทรงเป็นผู้ตรัสรู้จริง ดังนี้อยู่บ่อยๆ แล้วหมายเอาพระองค์เป็นกัลยาณมิตร คิดว่า เราจะประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค เท่านั้น. คำว่า สมบัติ ๓ อย่าง ได้แก่ สมบัติคือวิมุตติ (ธรรมเป็นเหตุหลุดพ้น) ๓ อย่าง ได้แก่ มรรควิมุตติ ผลวิมุตติ และ นิพพานวิมุตติ
คำว่า ไฟ ๓ กอง ได้แก่ ไฟคือราคะ ๑ ไฟคือโทสะ ๑ ไฟคือโมหะ ๑. ในคำว่า ทรงใช้ศีล สมาธิ ฯลฯ และวิมุตติญาณทัสสนะทำให้เกิดขึ้น นี้มีความว่า ความเห็นคือความรู้ว่าหลุดพ้นแล้วชื่อว่า วิมุตติญาณทัสสนะ ได้แก่ ญาณที่พิจารณามรรค ผล นิพพาน กิเลสที่ละได้แล้ว กิเลสที่ยังเหลืออยู่ ในข่าวที่บรรลุมรรค เป็นต้น. คำว่า ย่อมมอบปัจจัย ได้แก่ยอมมอบปัจจัย มีน้ำในดิน โอชะในดิน เป็นต้น เพื่อให้พืชทั้งหลายงอกขึ้นมาได้. คำว่า สามัญญผล แปลว่า ผลแห่งความเป็นสมณะ ได้แก่ผล ๔ คือ โสดาปัตติผล ผลคือความสำเร็จเป็นพระโสดาบัน ๑ สกทาคามิผล ผลคือความสำเร็จเป็นพระสกทาคามี ๑ อนาคามิผล ผลคือความสำเร็จเป็นพระอนาคามี ๑ อรหัตตผล ผลคือความสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ๑ ดังนี้. ในบรรดาชน ๕ คน ผู้จมแผ่นดิน (ถูกธรณีสูบ) นางจิญจมาณวิกาจมแผ่นดิน เพราะประพฤติลบหลู่ พระผู้มีพระภาค โดยแสดงให้คนทั้งหลายเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ตนมีครรภ์เพราะการได้อยู่ร่วมกันกับพระผู้มีพระภาค สุปปพุทธศากยะ จมแผ่นดินไป เพราะมีใจอาฆาตในพระผู้มีพระภาคว่า ผู้นี้ทอดทิ้งภรรยาผู้เป็นบุตรสาวของเราไป ดังนี้ แล้วคอยติดตามขัดขวางการเสด็จเที่ยวบิณฑบาตเพื่อโปรดสัตว์ของพระผู้มีพระภาค คอยด่าบริภาษด้วยถ้อยคำหยาบช้าต่างๆ ตามหนทาง พระเทวทัตจมแผ่นดินไป เพราะกรรมคือการกลิ้งหินก้อนใหญ่จากภูเขา หวังจะให้ถ้าพระองค์สิ้นพระชนม์ ซึ่งมีเพียงสะเก็ดหินที่แตกเป็นชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่งกระเด็นมากระทบพระบาท ทำพระโลหิตให้ห้อขึ้น นันทกยักษ์จมแผ่นดินไป เพราะกรรมคือการทุบตีท่านพระสารีบุตรเถระในสมัยที่ท่านเพิ่งออกจากการเข้านิโรธสมาบัติใหม่ๆ สมัยหนึ่ง นันทมานพ จมแผ่นดินไป เพราะกรรมคือการประทุษร้ายข่มขืนพระอรหันต์อุบลวรรณาเถรี ฉะนี้แล. จบคำอธิบายปัญหาที่ ๑. จบมิลินทปัญหาตอนที่ ๑๗
ขอให้ การอ่าน การศึกษา ของทุกท่านตามกุศลเจตนา ได้เป็นพลวปัจจัย เพิ่มพูลกำลังสติ กำลังปัญญา ให้สามารถนำตนให้พ้นจากวัฏฏทุกข์ด้วยเทอญ
ณัฏฐ สุนทรสีมะ
ที่มา : http://dhamma.serichon.us
มิลินทปัญหา (ตอนที่ 50) , (ตอนที่ 49) , (ตอนที่ 48) , (ตอนที่ 47) , (ตอนที่ 46) , (ตอนที่ 45) , (ตอนที่ 44) , (ตอนที่ 43) , (ตอนที่ 42) , (ตอนที่ 41) , (ตอนที่ 40) , (ตอนที่ 39) , (ตอนที่ 38) , (ตอนที่ 37) , (ตอนที่ 36) , (ตอนที่ 35) , (ตอนที่ 34) , (ตอนที่ 33) , (ตอนที่ 32) , (ตอนที่ 31) , (ตอนที่ 30) , (ตอนที่ 29) , (ตอนที่ 28) , (ตอนที่ 27) , (ตอนที่ 26) , (ตอนที่ 25) , (ตอนที่ 24) , (ตอนที่ 23) , (ตอนที่ 22) , (ตอนที่ 21 ต่อ) , (ตอนที่ 21) , (ตอนที่ 20) , (ตอนที่ 19) , (ตอนที่ 18) , (ตอนที่ 17) , (ตอนที่ 16) , (ตอนที่ 15) , (ตอนที่ 14) , (ตอนที่ 13) , (ตอนที่ 12) , (ตอนที่ 11) , (ตอนที่ 10) , (ตอนที่ 9) , (ตอนที่ 8) , (ตอนที่ 7) , (ตอนที่ 6) , (ตอนที่ 5) , (ตอนที่ 4) , (ตอนที่ 3) , (ตอนที่ 2) , (ตอนที่ 1) , ประโยชน์การอุปมาอันได้จากการศึกษาคัมร์ในทางพุทธศาสนา มีคัมภีร์มิลินท์ปัญหาเป็นต้น , มิลินทปัญหา ปัญหาเกี่ยวกับการไม่เคลื่อนไปก็ปฏิสนธิได้ , เหตุไร ตรัสให้คฤหัสถ์โสดาบันกราบไหว้ ลุกรับภิกษุสามเณรปุถุชนเล่า? , นิปปปัญจปัญหา - ปัญหาเกี่ยวกับธรรมที่ปราศจากเหตุให้เนิ่นช้าในวัฏฏทุกข์ , ถามว่า อานิสงส์การเจริญเมตตา ห้ามอันตรายต่างๆ เหตุไรสุวรรณสามผู้เจริญเมตตาจึงถูกยิงเล่า?
0 comments: