วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2564

พระภัททากัจจานาเถรี เอตทัคคะในฝ่าย ผู้ทรงอภิญญา

พระภัททากัจจานาเถรี เอตทัคคะในฝ่าย ผู้ทรงอภิญญา

พอประสูติโอรสพระสวามีก็หนีบวช / บวชตามพระสวามีและโอรส

พระภัททากัจจานาเถรี เป็นราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งโกลิยวงศ์ ในพระนคร เทวทหะ เป็นพระกนิษฐภคินีของพระเทวทัต บรรดาพระประยูรญาติได้ขนานพระนามว่า “ภัททากัจจานา” หรือที่นิยมเรียกพระนามว่า “ยโสธราพิมพา”

พอประสูติโอรสพระสามีก็หนีบวช

เมื่อพระนางเจริญวัยขึ้นจนมีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา ได้รับอภิเษกเป็นอัครมเหสีของเจ้า ชายสิทธัตถะ บรมโพธิสัตว์ แห่งศากยวงศ์ ในพระนครกบิลพัสดุ์ และเมื่อพระชนมายุ ๒๙ พรรษา ได้ประสูติพระโอรสพระนามว่า “พระราหุลกุมาร”.   ในวันที่พระราหุลกุมารประสูตินั้น เจ้าชายสิทธัตถะบรมโพธิสัตว์ ได้เสด็จออกทรงผนวช และทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๖ ปี ก็ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากนั้น พระพุทธองค์ ก็ทรงจาริกไปตามคามนิคมต่าง ๆ เพื่อเทศนาสั่งสอนเวไนยสัตว์ ให้ได้บรรลุอมฤต ธรรม ตามสมควรแก่อำนาจวาสนาบารมี แล้วได้เสด็จสงเคราะห์พระประยูรญาติ ณ กบิลพัสดุ์บุรี ยังพระประยูรญาติ ศากยวงศ์ มีพระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาเป็นประธาน ได้ดื่มน้ำอมฤตธรรม จนได้บรรลุอริยภูมิ ตั้งแต่พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์เป็นจำนวนมาก

ในคราวที่พระบรมศาสดา เสด็จโปรดพระประยูรญาติครั้งนี้ พระราหุลกุมาร ก็ได้ติด ตามองค์พระบิดา บรรพชาเป็นสามเณร นอกจากนี้ ศากยกุมารทั้งหลายจากสกุลอื่น ๆ ก็เสด็จออก บวชเป็นจำนวนมาก ครั้นกาลต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะ พุทธบิดาเข้าสู่พระปรินิพพานแล้ว จาก นั้น พระนางมหาปชาบดีโคตมี พร้อมด้วยขัติยนารี ชาวศากยะ ๕๐๐ นาง ก็พากันเสด็จออก บรรพชาในสำนักพระศาสดากันทั้งสิ้น.  ทางด้านพระนครกบิลพัสดุ์ ก็ว่างเว้นกษัตริย์ ที่จะปกครองดูแล หมู่อำมาตย์ราชปุโรหิต ทั้งหลาย ได้ประชุมปรึกษาเห็นพ้องต้องกัน ได้ทำพิธีราชาภิเษกอัญเชิญ เจ้าชายมหานามศากยราช ผู้เป็นพระเชษฐโอรส ของพระเจ้าอมิโตทนะ ขึ้นครอบครองราชย์สมบัติในกรุงกบิลพัสดุ์สืบต่อ ไป

ออกบวชตามพระสวามีและโอรส

ฝ่ายพระนางยโสธราพิมพาราชเทวี พระชนนีของพระราหุลกุมาร ทรงว้าเหว่ โศกาดูร ด้วยพระดำริว่า “โลกสันนิวาสนี้ มิมีอะไรแน่นอน พระสวามีและลูกน้อย ต่างก็ได้เสด็จออก บรรพชา อีกทั้งพระประยูรญาติทั้งชายหญิง ก็พากันออกบวชตามเสด็จ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะมี ประโยชน์อะไรแก่เรา ในเพศฆราวาส เราควรสละสมบัติทั้งปวง แล้วออกบวช โดยเสด็จพระภัสดา ในบัดนี้ จะประเสริฐกว่า”

พระนางจึงเสด็จเข้าไปกราบทูลลาพระเจ้ามหานามะ แล้วพร้อมด้วยพระนาง รูปนันทาชนบทกัลยาณี และสาวสนมกำนัล รวมประมาณ ๕๐๐ นาง เสด็จไปยังพระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ถวายอัญชลีแล้วกราบทูลขออุปสมบท สมเด็จพระบรมศาสดา ประทานสงเคราะห์ ด้วยครุธรรม ๘ ประการ.  พระนาง ครั้นบวชแล้วได้นามปรากฏว่า “ภัททากัจจานาเถรี” ได้เรียนพระกรรมฐาน ในสำนักพระบรมศาสดา แล้วเจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้ง ๔ ประการ

เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ปรากฏว่าพระเถรีเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญในอภิญญาทั้ง หลาย นั่งขัดสมาธิครั้งเดียว สามารถระลึกชาติได้ถึงหนึ่งอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป.  เมื่อคุณความสามารถปรากฏเช่นนั้น พระบรมศาสดา ได้ทรงสถาปนาแต่งตั้งพระเถรีนี้ ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีสาวิกาทั้งหลายในฝ่าย ผู้ทรงอภิญญา 

ที่มา : http://www.thammapedia.com/sankha/bhikkhuni_puttakujjana.php







Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: