วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

"ถ้าจะรักษาพระศาสนา จงรักษาวิถีชีวิตสงฆ์" โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย (ตอนที่4)

บทความชุด : ถ้าจะรักษาพระศาสนา จงรักษาวิถีชีวิตสงฆ์ 

-๓- ผลจากการไม่ศึกษาพระธรรมวินัย

ขออภัยที่จะต้องกล่าวตามตรงว่า ทุกวันนี้พระภิกษุสามเณรที่ไม่รู้พระธรรมวินัยมีมากขึ้น   ที่รู้ แต่ไม่ประพฤติปฏิบัติตาม-กล่าวคือไม่ดำรงชีวิตตามวิถีชีวิตสงฆ์ หากแต่ยกเหตุผลความจำเป็นนั่นนี่โน่นขึ้นมาอ้าง-ก็มีมากขึ้น สามารถเห็นได้ทั่วไปจนดูเป็นเรื่องปกติ  จนในที่สุดจะกลายเป็นว่าไม่มีใครรู้จักวิถีชีวิตที่แท้จริงของสงฆ์-ตามพระธรรมวินัย  ยกตัวอย่างในบางเรื่อง เช่น-การออกบิณฑบาต  ปัจจุบันพระภิกษุสามเณรส่วนหนึ่ง-ซึ่งจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ-ไม่ต้องออกบิณฑบาตก็มีอาหารฉัน 

การไม่ออกบิณฑบาตกลายเป็นชีวิตปกติ การออกบิณฑบาตเสียอีกกลายเป็นชีวิตที่ผิดปกติ หรือบางทีกลายเป็นเรื่องตื่นเต้น เห็นเป็นความพิเศษ เอาไปยกย่องชื่นชม ทั้งๆ ที่เป็นกิจที่พระเณรต้องทำเป็นปกติแท้ๆ  เพราะไม่ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจถ่องแท้ เวลานี้ก็เริ่มมีกระแสความคิดว่า สังคมเปลี่ยนไป วิถีชีวิตสงฆ์จำเป็นต้องเปลี่ยน จะให้ทำอะไรเหมือนสมัยพุทธกาลทุกอย่างไม่ได้อีกแล้ว 

ความจริงก็คือ-ไม่มีใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้  เราบอกกันแต่ว่าเปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องไม่ทำลายหลักการ  ถ้าพระเณรเห็นว่าทุกมื้อซื้อฉันสะดวกกว่า จะเกิดอะไรขึ้น พระเณรก็จะไม่เห็นความสำคัญของการศึกษาพระธรรมวินัย-อย่างน้อยที่สุดก็ในเรื่องธรรมเนียมหรือกิจวัตรในการบิณฑบาต เพราะเมื่อไม่ออกบิณฑบาตก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้กิริยามารยาทและวัฒนธรรมในการบิณฑบาต

ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องมีบาตร  ต่อไปอีก บาตรอันเป็น ๑ ในอัฐบริขารที่ต้องมีครบในเวลาอุปสมบทก็จะมีไว้พอเป็นพิธี  แทนที่จะสนใจเรื่องการบิณฑบาต พระเณรก็จะสนใจแต่ว่า-จะได้เงินจากไหนมาซื้ออาหารประจำวัน จากวิธีดำรงชีพด้วยการแสวงหาอาหารจากชาวบ้าน เปลี่ยนไปเป็นแสวงหาเงินเพื่อเป็นค่าอาหาร

ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ  นิสฺสาย  ปพฺพชฺชา = ชีวิตนักบวชอาศัยโภชนะที่ได้มาด้วยปลีแข้ง-หลักการพื้นฐานของวิถีชีวิตสงฆ์ก็ถูกทำลาย 

ที่ร้ายกว่านั้นก็คือเดี๋ยวนี่เกิดวิธีบิณฑบาตแปลกๆ เช่น -  ยืนบิณฑบาต  และเวลานี้ก้าวหน้าเป็นนั่งบิณฑบาตด้วยแล้ว บิณฑบาตหมุนเวียน สมประโยชน์กับแม่ค้า บิณฑบาตเอาไปขาย เอาไปเลี้ยงครอบครัว ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาก็คือบิณฑบาตเงิน นี่เป็นจุดเล็กๆ จุดเดียวที่สามารถทำลายพระศาสนาได้อย่างคาดไม่ถึง เพราะความไม่รู้ ชาวบ้านก็ตกเป็นเหยื่อ-ด้วยการสนับสนุนพระเณรที่กระทำเช่นนั้น ทางแก้ก็คือต้องจัดการศึกษาพระธรรมวินัย-จัดอย่างเป็นการฝึกศึกษาจริงๆ เรียนรู้แล้วปฏิบัติในชีวิตจริง  เป็นการศึกษาเพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้อง ไม่ใช่การศึกษาเพื่อสอบได้-อย่างที่เรากำลังหลงทางกันจนกู่ไม่กลับอยู่ในเวลานี้ จะจัดการศึกษาเพื่อสอบได้ เพื่อสถิติ เพื่อวุฒิ เพื่อปริญญาอะไรก็ตาม-แบบที่ชาวโลกเขาจัดกัน-ก็ยังต้องจัดไปถ้าเห็นว่าจำเป็นต้องจัด  แต่การศึกษาเพื่อให้มีความรู้ที่ถูกต้องแล้วเอาความรู้ไปเป็นพื้นฐานแห่งการประพฤติปฏิบัติ เพื่อการดำรงวิถีชีวิตสงฆ์ จะต้องจัดให้มีขึ้นในชีวิตจริง 

ไม่ว่าจะสอบได้กี่ประโยค ไม่ว่าจะสอบผ่านปริญญากี่ดีกรี กี่ใบ ไม่ว่าจะบรรยายพระธรรมจำพระวินัยได้แม่นยำขนาดไหน พูดคล่องขนาดไหน  ถ้าไม่ได้อัญเชิญพระธรรมวินัยมาปฏิบัติจริงในชีวิตจริง-ในชีวิตประจำวัน  ไม่ได้ดำรงชีวิตตามแบบแผนตามวิถีชีวิตสงฆ์ที่ถูกต้อง  ก็ต้องถือว่า-ยังเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษาแต่ประการใดๆ ทั้งสิ้น  กิจเช่นนี้ควรเป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์ที่จะต้องจัดต้องทำต้องดำเนินการกับพระภิกษุสามเณรผู้เป็นสมาชิกขององค์กร แล้วเผยแผ่ให้แพร่หลายออกไปสู่ประชาชน   ให้ชาวบ้านรู้พระธรรมวินัยไปพร้อมๆ กับชาววัด

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย , ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ , ๑๐:๕๔

"ถ้าจะรักษาพระศาสนา จงรักษาวิถีชีวิตสงฆ์" (ตอนที่1) ,  (ตอนที่2) ,  (ตอนที่3) ,  (ตอนที่4)





ที่มา : ทองย้อย แสงสินชัย


บทความชุด...

Posted by ทองย้อย แสงสินชัย on Sunday, May 9, 2021
Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: