ความประพฤติทุศีล ความริษยา และความตระหนี่ ธรรม ๓ ประการนี้ก็จัดเป็นมลทินเหมือนกัน
มลทิน แปลว่า ความมัวหมอง
และความมัวหมองนั้น หมายความว่าอย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในมลสูตร ติกนิบาต อังคุตตรนิกาย ว่า “ภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ไม่ละมลทิน ๓ ประการนี้ ย่อมดำรงอยู่ในนรกเหมือนถูกนำไปฝังไว้, ธรรม ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. เป็นคนทุศีลและไม่ละมลทินคือความเป็นคนทุศีล
๒. เป็นคนริษยาและไม่ละมลทินคือความริษยา
๓. เป็นคนตระหนี่และไม่ละมลทินคือความตระหนี่
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ไม่ละมลทิน ๓ ประการนี้ ดำรงอยู่ในนรกเหมือนถูกนำไปฝังไว้” ดังนี้เป็นต้น ฯ
ในอรรถกถามลสูตร ติกนิบาต อังคุตตรนิกาย ท่านอธิบายความหมายไว้ ๓ ประการ คือ
๑.ชื่อว่ามัวหมอง เพราะหมายความว่าตามเผาไหม้
๒.ชื่อว่ามัวหมอง เพราะหมายความว่ามีกลิ่นเหม็น
๓.ชื่อว่ามัวหมอง เพราะหมายความว่าทำให้เศร้าหมอง
อธิบายความ
๑. มลทินนั้น ย่อมตามเผาไหม้สัตว์ผู้ทุศีล ในอบายทั้งหลายมีนรกเป็นต้น เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่าเป็นมลทิน เพราะหมายความว่าตามเผาไหม้บ้าง
๒. มลทินนั้น ย่อมมีกลิ่นเหม็น เพราะบุคคลเกลือกกลั้วด้วยมลทินนั้นเป็นที่น่ารังเกียจ ทั้งในสำนักมารดาบิดา ทั้งภายในภิกษุสงฆ์ ทั้งในโพธิสถานและเจดียสถาน และกลิ่นอันเกิดจากความไม่ดีของเขา ย่อมฟุ้งไปในทุกทิศว่า “ผู้นั้นทำบาปกรรมเห็นปานนี้” เหตุนั้นจึงชื่อว่าเป็นมลทิน เพราะหมายความว่ามีกลิ่นเหม็นบ้าง
๓. มลทินนั้น ย่อมทำให้เศร้าหมอง เพราะบุคคลผู้เกลือกกลั้วด้วยมลทินนั้น ย่อมได้รับความเดือดร้อนในที่ที่ไปถึง และกายกรรมเป็นต้นของเขาก็ไม่สะอาดไม่ผ่องใส เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่าเป็นมลทิน เพราะหมายความว่าทำให้เศร้าหมองบ้าง
อีกอย่างหนึ่ง มลทินนั้น ย่อมทำเทวสมบัติมนุษยสมบัติและนิพพานสมบัติให้เหี่ยวแห้งไป เพราะเหตุนั้น พึงทราบว่าเป็นมลทิน เพราะหมายความว่าทำให้เหี่ยวแห้งบ้าง
แม้ในมลทินคือริษยา และมลทินคือความตระหนี่ ก็มีนัยอย่างนี้เหมือนกัน.
สาระธรรมโดยย่อจากมลสูตร ติกกนิบาต อังคุตตรนิกาย
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) วัดสามพระยา กรุงเทพฯ
1/5/65
รวมภาพพุทธประวัติเรียงลำดับเหตุการณ์ , ภาพวาดพุทธประวัติ , พุทธประวัติโดยย่อ , เหตุไฉนผิวพรรณจึงผ่องใส ? , ทุกข์ปรากฎที่ไหนต้องดับที่นั้น , รู้เพื่อละ , การดับทุกข์ได้จริงและถูกต้อง ต้องไม่ทำบาปดับทุกข์ , การใคร่ครวญก่อนแล้วจึงตัดสินใจเป็นการดี
0 comments: