กรรมที่มีความเบียดเบียน คือกรรมที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน
เพราะฉะนั้น กรรมใดที่มีความเบียดเบียน จงประพฤติเว้นกรรมนั้น ส่วนกรรมใดที่ไม่มีความเบียดเบียน จงถือปฏิบัติกรรมนั้น
สมดังพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในสัพยาปัชฌสูตร ติกนิบาต อังคุตตรนิกาย ว่า “ภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ พึงทราบว่า “เป็นคนพาล” ธรรม ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. กายกรรมที่มีความเบียดเบียน (การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม)
๒. วจีกรรมที่มีความเบียดเบียน (การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดคำหยาบ การพูดเพ้อเจ้อ)
๓. มโนกรรมที่มีความเบียดเบียน (ความเพ่งเล็งอยากได้ของเขา ความคิดร้ายผู้อื่น ความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม)
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล พึงทราบว่า “เป็นคนพาล” (ส่วน) บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ พึงทราบว่า “เป็นบัณฑิต” ธรรม ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. กายกรรมที่ไม่มีความเบียดเบียน (ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม)
๒. วจีกรรมที่ไม่มีความเบียดเบียน (ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ)
๓. มโนกรรมที่ไม่มีความเบียดเบียน (ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา ไม่คิดร้ายผู้อื่น เห็นชอบตามทำนองคลองธรรม)
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล พึงทราบว่า “เป็นบัณฑิต”
เพราะเหตุนั้นแล เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า “บุคคประกอบด้วยธรรม ๓ ประการใด พึงทราบว่า ‘เป็นคนพาล’ เราจักประพฤติเว้นธรรม ๓ ประการนั้น (และ) บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการใด พึงทราบว่า ‘เป็นบัณฑิต’ เราจักถือปฏิบัติธรรม ๓ ประการนั้น”
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล” ดังนี้ ฯ
สาระธรรมจากสัพยาปัชฌสูตร ติกกนิบาต อังคุตตรนิกาย
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) วัดสามพระยา กรุงเทพฯ 6/5/65
เหตุไฉนผิวพรรณจึงผ่องใส ? , ทุกข์ปรากฎที่ไหนต้องดับที่นั้น , รู้เพื่อละ , การดับทุกข์ได้จริงและถูกต้อง ต้องไม่ทำบาปดับทุกข์ , การใคร่ครวญก่อนแล้วจึงตัดสินใจเป็นการดี , ภิกษุผู้มีชื่อเสียง คือประชาชนรู้จักกันทั่วแล้ว เมื่อจะแนะนำพร่ำสอนผู้อื่นต้องระวังให้มากขึ้นไปอีก , ตราบใดที่ยังหมั่นทำความดีอยู่เสมอ ตราบนั้นชื่อว่ายังมีความหวัง
0 comments: