วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

การจะไปมาหาสู่เข้าเป็นพวกเดียวกัน หรือคบค้ากัน หรือคบค้าสมาคมกัน

การจะไปมาหาสู่เข้าเป็นพวกเดียวกัน หรือคบค้ากัน หรือคบค้าสมาคมกัน 

การจะไปมาหาสู่เข้าเป็นพวกเดียวกัน หรือคบค้ากัน หรือคบค้าสมาคมกัน ก็ต้องมีความรักในเรื่องนั้นๆเหมือนกันจึงทำให้ทั้งสองคนคบหากันอย่างถูกชะตา แต่การคบหากันในรูปแบบใดไมตรีจิตของเราจึงจะยั่งยืนยาวนาน

พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในทานวรรค ทุกนิบาต อังคุตตรนิกาย ว่า

“การคบหากัน ๒ อย่างนี้ การคบหากัน ๒ อย่าง อะไรบ้าง คือ

๑. การคบหากันด้วยอามิส

๒. การคบหากันด้วยธรรม

การคบหากัน ๒ อย่างนี้แล บรรดาการคบหากัน ๒ อย่างนี้ การคบหากันด้วยธรรมเป็นเลิศ ดังนี้ ฯ

ในอรรถกถาท่านอธิบายไว้ว่า

บทว่า  อามิส ได้แก่ ปัจจัย ๔ ชื่อว่าอามิส โดยเป็นของให้กันและกัน

บทว่า  ธรรม  ได้แก่ ปฏิปทาเครื่องบรรลุอมตะ นี้ชื่อว่าธรรม

เพราะฉะนั้น การแจกจ่ายกันก็ดี การสงเคราะห์กันก็ดี การอนุเคราะห์กันก็ดี การเกื้อกูลกันก็ดี ทั้งด้วยอามิส ทั้งด้วยธรรม ก็ล้วนแต่เป็นความดีงามทั้งสิ้น  แต่การคบหากันให้ยั่งยืนยาวนานนั้นควรคบหากันโดยธรรม การคบหากันโดยธรรมก็เพื่อมุ่งหมายถึงการได้ทางดำเนินชีวิตและเพื่อปรับปรุงความประพฤติของตนให้ดีงามยิ่งๆขึ้นไป นี้แหละจะทำให้ไมตรียั่งยืนยาวนานกว่าอามิส

สาระธรรมจากทานวรรค ตติยปัณณาสก์ ทุกนิบาต อังคุตตรนิกาย 

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) วัดสามพระยา กรุงเทพฯ

10/5/65

อามิสกับธรรมพระพุทธองค์มักแสดงไว้คู่กันเสมอ , ไม่มีใครที่ไม่เคยทำอะไรผิดเลย ,  เหตุไฉนผิวพรรณจึงผ่องใส ? , ทุกข์ปรากฎที่ไหนต้องดับที่นั้น , รู้เพื่อละ , การดับทุกข์ได้จริงและถูกต้อง ต้องไม่ทำบาปดับทุกข์ , การใคร่ครวญก่อนแล้วจึงตัดสินใจเป็นการดี​ , ภิกษุผู้มีชื่อเสียง คือประชาชนรู้จักกันทั่วแล้ว เมื่อจะแนะนำพร่ำสอนผู้อื่นต้องระวังให้มากขึ้นไปอีก  , ตราบใดที่ยังหมั่นทำความดีอยู่เสมอ ตราบนั้นชื่อว่ายังมีความหวัง , กรรมที่มีความเบียดเบียน คือกรรมที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน 

หลวงพ่อใหญ่ วัดม่วงชุม จังหวัดสิงห์บุรี

Previous Post
Next Post

0 comments: