วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2564

เกิดมาชาติหนึ่งคุ้มค่า ถ้ารู้เรื่องพระนิพพาน รู้จักพระนิพพาน !

ลองสนใจชิคุ้มค่า ! เกิดมาชาติหนึ่งคุ้มค่า ถ้ารู้เรื่องพระนิพพาน รู้จักพระนิพพาน ! ถ้าบรรลุได้ด้วยยิ่งดี มันเป็นเรื่องที่คุ้มค่า มิได้ตั้งอยู่ มิได้เป็นไป มิใช่อารมณ์ : นี่คำสำคัญ มิได้ตั้งอยู่ มิได้เป็นไป มิใช่อารมณ์ ๓ คำนี้สำคัญที่สุด

และสรุปความว่านั่นแหละที่สุดแห่งความทุกข์ละ ที่สุดแห่งความทุกข์  เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺส - นั่นแหละสิ้นสุดแห่งความทุกข์  สิ้นสุดแห่งความทุกข์ เพราะมันไม่มีอารมณ์ เป็นทุกข์ไม่ได้ เพราะมันไม่มีอารมณ์ จำเค้าๆ ไว้อย่างนี้ก่อน แล้วนึกเล่นๆ เรื่อยไป ทุกครั้งที่มีความนึก นอนหลับไปพักหนึ่ง พอลืมตาขึ้นมา ก็เอาเรื่องนี้มาจำ ตื่นนอนขึ้นมาคราวไหนก็เอาเรื่องนี้มาจำ จะไปได้เร็ว ตื่นขึ้นมาด้วยพระนิพพาน ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกต่อพระนิพพานว่าอายตนะนั้นมีอยู่ๆ อายตนะนั้นมีอยู่ๆ แล้วก็ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่ๆ สารพัดอย่างไม่ใช่ แต่ทุกคนยังไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ค่อยเข้าใจ แล้วก็ไม่ได้สนใจ แล้วก็ไม่สนใจ บวชสึกไปกี่หน กี่ชาติแล้วมันก็ไม่เข้าใจอยู่นั่น ไม่เข้าใจเรื่องนิพพาน ทั้งที่ว่าการบวชนั้นมีคำปฏิญญาว่าข้าพเจ้าจะกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานออกไปจากทุกข์ทั้งปวง สพฺพทุกฺขนิสฺสรณนิพฺพาน สจฺฉิกรณตฺถาย - ข้าพเจ้าจะกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน อันเป็นที่ออกไปจากความทุกข์ทั้งปวง แต่แล้วมันก็ไม่ได้ทำ

(ผู้ร่วมฟังท่านหนึ่งแสดงความเห็นเป็นเชิงหยั่งดูความเข้าใจของตนว่าถ้าทำอยู่อย่างนี้ (คืออย่างที่กรุณากล่าวสอนอยู่) ก็เหมือนกันกับที่ว่าเป็นเอกัคคตาที่จะต้องมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ หรือเหมือนอย่างในอุปสมานุสสติที่ว่า มีสติตามระลึกถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์) เรียกชื่อโดยสมมติก็ได้ แต่ว่าพระนิพพานนั้นมิใช่อารมณ์ จะเอามาเป็นอารมณ์ของตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ได้ เป็นรูป รส กลิ่น เสียงโผฎฐัพพะ ธัมมารมณ์ไม่ได้ แต่เราสมมติเรียกเอาตามแบบของเรา ตามข้างฝ่ายเราว่า เราจะมีพระนิพพานเป็นสรณะ เป็นเครื่องระลึก เป็นเครื่องยึดเป็นหลัก เรียกได้ว่ามีพระนิพพานเป็นอารมณ์ มีเอกัคคตาจิต มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ พูดได้ พูดได้ แต่โดยตัวจริงมันจะมีอย่างนั้นไม่ได้ แต่เราพูดได้ว่าทำให้เป็นอย่างนั้นๆ ไม่มีอะไรเป็นอารมณ์  จะพูดว่ามีเอกัคคตาจิต มีนิพพานเป็นอารมณ์พูดก็ได้ มันเล่นตลกอยู่ แต่พระนิพพานมิใช่อารมณ์ พระนิพพานเป็นอารมณ์ไม่ได้ มิใช่อารมณ์ แต่เราเอาพระนิพพานเป็นอารมณ์ คือเอาสิ่งนั้นแหละ สิ่งที่ไม่ใช่ๆๆๆ มาระลึกอยู่ มาระลึกอยู่ (เป็นอุบายในการปฏิบัติใช่ไหมคะ?) ดีๆๆ แน่นอน อย่างเดียวหมดกี่ร้อยอย่างกี่พันอย่าง รวมอยู่ในคำคำเดียวว่า ไม่มีอารมณ์ มิใช่อารมณ์ บาสีใช้คำว่า อนารมฺมณํ เอว, อนารมฺมณํเอว - สิ่งนั้นมิใช่อารมณ์ ไม่มีอารมณ์ มิใช่อารมณ์

เรื่องนี้จะเข้าใจเองได้ทีหลัง ทำต่อไปเรื่อยๆๆ พอล้มตัวนอนทีหนึ่งก็นึกถึงทีหนึ่ง ตื่นเช้าขึ้นมาก็ระลึกถึงทีหนึ่ง ไม่เท่าไรก็คุ้น คุ้นกันกับเรื่องพระนิพพาน คุ้นเคยกับเรื่องพระนิพพานก็ได้รับประโยชน์ รับรสรับอานิสงส์แห่งพระนิพพาน แต่พระนิพพานจะเป็นอารมณ์ให้แก่สัตว์ตัวใดก็ไม่ได้ เพราะพระนิพพานไม่ใช่รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธัมมารมณ์ ไม่ใช่สิ่งที่จะรู้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มันรู้ได้ด้วยปัญญา รู้ด้วยการลุถึงนิพพาน รู้ได้ด้วยการถึงนิพพาน รู้ได้ด้วยการถึงซึ่งอายตนะนั้น อายตนะนั้น บรรลุถึงซึ่งสิ่งนั้นๆ สิ่งสูงสุดๆ มีค่าที่สุด ประเสริฐที่สุด เป็นที่พึ่งได้ที่สุด !

หัวใจนิพพาน : พุทธทาสภิกขุ (น.๙๑)

อ่าน e-book ได้ที่ :  https://www.pagoda.or.th/buddhis.../2019-04-17-14-08-39.html

Credit:  สโมสรธรรมทาน - co dhamma space





Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: