วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2564

วิธีที่ทำให้ชฎิลยอมรับ

วิธีที่ทำให้ชฎิลยอมรับ

[เมื่อพระพุทธเจ้าเดินทางถึงตำบลอุรุเวลาแล้ว ได้เข้าไปที่อาศรมของชฎิล (ฤษีที่เกล้าผมสูงเป็นชฎาซึ่งมักถือลัทธิบูชาไฟ) ชื่ออุรุเวลกัสสปะ ซึ่งเป็นผู้นำของชฎิล 500 คน และกล่าวว่า]

พ:  กัสสปะ ถ้าท่านไม่หนักใจ เราจะขออาศัยในโรงบูชาไฟสัก 1 คืน

อุ:  มหาสมณะ ข้าไม่หนักใจหรอก แต่ในโรงบูชา มีพญานาคที่มีฤทธิ์ดุร้ายอยู่ อย่าให้มันทำให้ท่านลำบากเลย

[พระพุทธเจ้าได้กล่าวขออาศัยอีกสองครั้ง แต่อุรุเวลกัสสปะก็ยังพูดเหมือนเดิม พระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า]

พ:  พญานาคไม่ทำให้เราลำบากหรอก กัสสปะ เอาเถอะ ขอท่านอนุญาตให้เราพักเถิด

อุ:  มหาสมณะ ถ้าอย่างนั้นเชิญท่านอยู่ตามสบายเถิด

[พระพุทธเจ้าได้เข้าไปในโรงบูชาไฟ ปูที่นั่งและตั้งกายตรง ดำรงสติมั่น]

[พญานาคเห็นพระพุทธเจ้า จึงเข้ามาจะทำร้าย แต่พระพุทธเจ้าได้บันดาลให้เกิดปาฏิหาริย์ปราบพญานาคลงได้ ซึ่งกัสสปะเห็นแล้วก็คิดในใจด้วยความเลื่อมใสว่า พระมหาสมณะนี้มีฤทธิ์มาก แต่อย่างไรก็ไม่ใช่พระอรหันต์เหมือนเราแน่]

อุ:  ขอนิมนต์ท่านอยู่ที่นี่แหละ ข้าจะดูแลเรื่องภัตตาหารให้เอง]

[หลังจากนั้น พระพุทธเจ้าได้บันดาลให้เกิดปาฏิหาริย์อีก 12 ครั้ง คือ มีท้าวมหาราชทั้ง 4, ท้าวสักกะจอมเทพ, และท้าวสหัมบดีพรหมมาหาเพื่อฟังธรรม, ทำให้กัสสปะรู้ว่าสามารถอ่านใจได้, มีท้าวสักกะจอมเทพช่วยเหลือตอนซักผ้า, เดินทางไปโรงบูชาไฟทีหลังกัสสปะแต่ถึงก่อน, ผ่าฟืน, ก่อไฟ, ดับไฟ, เนรมิตภาชนะใส่ไฟ, และไม่ให้น้ำท่วม แต่ถึงจะแสดงปาฏิหาริย์บ่อยครั้ง ทุกครั้งกัสสปะก็ยังคิดเหมือนเดิมอีกว่า ‘พระมหาสมณะนี้มีฤทธิ์มาก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่พระอรหันต์เหมือนเราแน่’ เมื่อนั้นพระพุทธเจ้าซึ่งได้ทราบความคิดนี้ของกัสสปะมาตั้งแต่แรก จึงได้กล่าวว่า]

พ:  กัสสปะ ท่านไม่ใช่พระอรหันต์ อีกทั้งยังไม่พบแนวทางและวิธีปฏิบัติที่จะเป็นได้อีกด้วย สิ่งที่ท่านทำอยู่ไม่ใช่ทางที่ทำให้เป็นพระอรหันต์ได้เลย

[เมื่อฟังดังนั้น อุรุเวลกัสสปะก็ได้ก้มลงที่เท้าของพระพุทธเจ้า]

อุ:  ขอข้าพระองค์ได้บวชในสำนักของท่านด้วยเถิด

พ:  กัสสปะ ท่านเป็นผู้นำชฎิลอีก 500 คน ท่านจงบอกพวกเขาก่อน เพื่อพวกเขาจะได้ตัดสินใจตามที่เขาต้องการ

อุ:  (เดินเข้าไปหาชฎิลเหล่านั้น) ท่านผู้เจริญทั้งหลาย เราจะบวชในสำนักของพระมหาสมณะ ท่านจะตัดสินใจอย่างไรก็แล้วแต่ท่านเลย

ช:  พวกข้าเลื่อมใสในพระมหาสมณะมานานแล้ว ถ้าท่านอาจารย์จะบวช เราก็ขอบวชด้วยเช่นกัน

[ต่อมาชฎิลเหล่านั้นต่างลอยผม เครื่องใช้ และเครื่องบูชาไฟลงในน้ำ แล้วขอบวชด้วย ข้างฝ่ายน้องชายสองคน คือชฎิลนทีกัสสปะ (มีลูกศิษย์ 300 คน) และชฎิลคยากัสสปะ (มีลูกศิษย์ 200 คน) ซึ่งได้เห็นของลอยมาตามน้ำ ก็ส่งคนไปถามพี่ชายว่า ที่บวชนี่ดีแล้วแน่หรือ พี่ชายตอบว่า แน่แล้วดีแล้ว ทั้งหมดจึงขอบวชตามด้วยในที่สุด]

พ:  พวกเธอจงมาเป็นภิกษุเถิด พวกเธอจงปฏิบัติตามคำสอนที่เรากล่าวไว้ดีแล้วเพื่อให้พ้นทุกข์เถิด

ที่มา: เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 6 (พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค 1 มหาขันธกะ เรื่องอุรุเวลปาฏิหาริย์), 2559, น.44-60

ช่วง 35 วันแรกหลังการตรัสรู้ (ตอน 1),  ช่วง 35 วันแรกหลังการตรัสรู้ (ตอน 2),  ช่วง 35 วันแรกหลังการตรัสรู้ (ตอน 3),  ช่วง 35 วันแรกหลังการตรัสรู้ (ตอน 4),  ช่วง 35 วันแรกหลังการตรัสรู้ (ตอน 5),  จะสอนใครเป็นคนแรกดี,  สอนธรรมะครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ (ตอน 1),  สอนธรรมะครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ (ตอน 2),  สอนธรรมะครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ (ตอน 3),  ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง,  ส่งพระสงฆ์ออกไปแสดงธรรมแก่หมู่ชน,  จะตามหาผู้หญิงหรือตามหาตัวเอง




Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: