วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2564

ทำนายปัตถเวน - คำทำนายที่โคตรแม่น (ตอน ๒๒)

ทำนายปัตถเวน - คำทำนายที่โคตรแม่น (ตอน ๒๒)

คำทำนายฝันครั้งประวัติศาสตร์

เทียบท่า ๓

ส่วนในพระไตรปิฎก มีพูดถึงความเสื่อมความเจริญของโลกไว้อีกแง่หนึ่ง คือใน จักกวัตติสูตร พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค (พระไตรปิฎกเล่ม ๑๑ ข้อ ๓๓-๕๐) เล่าเรื่องความเป็นไปในสังคมไว้ว่า -

ผู้ปกครองไม่รู้จักจัดการปกครองให้ดี ทำให้เกิดความอดอยากยากจนขึ้นทั่วไป เมื่อความยากจนมีมากขึ้น ก็ทำให้เกิดการลักขโมย การใช้อาวุธ การฆ่า การโกหกหลอกลวง 

อายุและผิวพรรณของคนทั้งหลายก็เสื่อมลง 

เริ่มจากมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี พอมาถึงชั้นลูก อายุลดลงเหลือสี่หมื่นปี และจะลดลงไปเรื่อยๆ ในเมื่อมีความชั่วเกิดมากขึ้น เช่น การพูดเท็จอย่างจงใจ การพูดส่อเสียด การประพฤติผิดในกาม 

เมื่ออายุลดลงมาเหลือห้าพันปี มนุษย์จะประพฤติชั่วกันมากใน ๒ เรื่อง คือ การพูดคำหยาบ และการพูดเพ้อเจ้อ 

เมื่ออายุลดลงมาเหลือสองพันห้าร้อยปี มีความชั่วมากใน ๒ เรื่อง คือ โลภอยากได้ของเขา และพยาบาทปองร้ายเขา

เมื่ออายุลดลงมาเหลือหนึ่งพันปี มีความชั่วมากในเรื่องมิจฉาทิฐิ คือความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม 

เมื่ออายุลดลงมาเหลือห้าร้อยปี มีความชั่วมากใน ๓ เรื่อง คือ 

๑. ความกำหนัดที่ผิดธรรม (อธมฺมราโค) เช่น ไม่เลือกว่าจะเป็นแม่ของตัวเอง ลูกของตัวเอง หรือป้า น้า อา ลุง ของตัวเอง

๒. ความโลภรุนแรง (วิสมโลโภ) คือ เมื่ออยากได้อะไร ก็จะทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้มา 

๓. ความผิดปกติจากธรรมชาติ (มิจฺฉาธมฺโม) เช่น ผู้ชายทำตัวเป็นผู้หญิง ผู้หญิงทำตัวเป็นผู้ชาย หรือผู้ชายกำหนัดในผู้ชายด้วยกัน ผู้หญิงกำหนัดในผู้หญิงด้วยกัน 

เมื่ออายุลดลงมาเหลือสองร้อยห้าสิบปี ก็จะมีความชั่วมากในเรื่องการไม่ปฏิบัติชอบในบิดามารดา เช่น ไม่เชื่อฟัง ไม่เลี้ยงดู, การไม่ปฏิบัติชอบในสมณะชีพราหมณ์ เช่น ไม่เคารพนับถือ ไม่ฟังคำสั่งสอน ไม่เห็นประโยชน์และความจำเป็นที่จะต้องมี (วัดมีไว้ทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ พระเณรบวชกันมาทำไม ไม่เห็นได้สาระ), การไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในสกุล คือ การไม่นับถือผู้อาวุโส พี่ ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย ไม่มีความหมาย 

อนึ่ง ตามที่บรรยายมานี้ ที่บอกว่าเมื่ออายุเหลือเท่านั้นๆ มนุษย์จะประพฤติชั่วกันมากในเรื่องนี้ๆ พึงทราบว่า ไม่ใช่ประพฤติชั่วกันเฉพาะเรื่องที่ระบุนั่นเท่านั้น อะไรที่เคยประพฤติชั่วกันมาแต่ก่อนหน้านั้นก็ยังคงประพฤติอยู่ เพียงแต่มีความชั่วเด่นๆ ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาในแต่ละยุคสมัย คือเรื่องที่ประพฤติชั่วมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง

อายุลดลงเรื่อยๆ ในขณะที่ความเสื่อมทรามก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดจะถึงยุคที่มนุษย์มีอายุเหลือเพียง ๑๐ ปี ยุคนั้น ผู้หญิงอายุ ๕ ปี ก็มีสามีกันแล้ว เข้าตำราความฝันในข้อที่ ๒ ที่ว่าต้นไม้ยังเล็กๆ แต่มีดอกมีผล 

ในยุคนั้นโลกจะจืดชืดแห้งแล้ง รสอร่อยจำพวกเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย รสเค็ม จะอันตรธานไปหมดสิ้น จนถึงกับมีคำพูดว่า เม็ดกุทรุสกะ (เป็นภาษาบาลีครับ ในเมืองไทยแปลกันว่า หญ้ากับแก้ที่วัวควายชอบกินนั่นแหละ พจนานุกรมบาลี-อังกฤษ แปลศัพท์นี้ว่า a kind of grain) จะถือว่าเป็นของกินอันเลิศรสของมนุษย์ในยุคนั้น ก็หมายความว่า ของเลวสมัยนี้กลายเป็นของดีในสมัยเสื่อม 

กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ เช่น การไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ก็จะอันตรธานหมด อกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ เช่น การฆ่ากัน ลักขโมยกัน จะรุ่งเรืองยิ่ง 

ยุคนั้นจะไม่มีใครพูดถึงคุณธรรมความดีกันอีกต่อไป การไม่นับถือ ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ การไม่นับถือสมณะชีพราหมณ์ และการไม่นับถือผู้หลักผู้ใหญ่ จะได้รับการยกย่องสรรเสริญว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง 

ยุคนั้นจะไม่มีคำว่า พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย ภรรยาของอาจารย์ ภรรยาของครู มนุษย์จะสมสู่สำส่อนกันเช่นเดียวกับสัตว์ ในจิตใจก็จะมีแต่ความอาฆาตพยาบาท มุ่งร้ายกัน คิดเข่นฆ่าล้างผลาญกันอย่างรุนแรง พ่อแม่คิดฆ่าลูก ลูกคิดฆ่าพ่อแม่ พี่คิดฆ่าน้อง น้องคิดฆ่าพี่ 

เมื่อความเสื่อมทรามในจิตใจขึ้นสูงถึงขีดสุด ก็จะมีห้วงเวลาที่ท่านเรียกว่า “สัตถันดรกัป” คือห้วงเวลาที่โลกจะพินาศด้วยอาวุธที่มนุษย์โหมเข้าใส่กัน ถึงกับมีคำพูดว่า แม้ใบไม้ใบหญ้าที่หยิบจับขึ้นมาก็จะกลายเป็นอาวุธใช้เข่นฆ่าประหัตประหารกันได้ทั้งนั้น 

มนุษย์จะเห็นมนุษย์ด้วยกันเป็นนก เนื้อ เก้ง กวาง เห็นกันแล้วก็จ้องจะไล่ล่ากันท่าเดียว การที่มนุษย์ฆ่ามนุษย์ด้วยกันในยุคนั้น จะก่อให้เกิดความรู้สึกเท่ากับที่มนุษย์ฆ่านกฆ่าเนื้อในสมัยนี้เท่านั้นเอง ท่านจึงเรียกยุคนั้นว่า “มิคสัญญี” คือยุคที่มนุษย์เห็นมนุษย์ด้วยกันเป็นเนื้อที่จะต้องไล่ล่า

ท่านว่า สัตถันดรกัป หรือห้วงมิคสัญญีนี้ จะมีเวลาอยู่เพียง ๗ วัน มนุษย์ส่วนใหญ่ก็จะฆ่ากันตายหมด (ต่อจากนี้ก็มีคำเล่าเสริมว่า จะมีฝนตกใหญ่ น้ำท่วมพัดพาเอาซากศพลงทะเลไปหมด แผ่นดินจึงค่อยกลับสะอาดขึ้นมาใหม่) 

ในห้วงเวลาที่เป็นไปเช่นนั้น จะมีมนุษย์บางส่วน ซึ่งเป็นส่วนน้อย เป็นพวกที่ยังพอมีความดีงามหลงเหลืออยู่ในจิตใจบ้าง คนพวกนี้พอใจที่จะหลีกเร้นออกไปจากความสับสนวุ่นวายของสังคม หลบไปหาความสงบวิเวกอยู่ตามป่า ตามภูเขา ตามถ้ำ มนุษย์จำนวนน้อยที่หลบออกไปอยู่ตามป่าดงพงชัฏนี้เองที่จะหลงเหลือรอดชีวิตอยู่ได้ 

เมื่อห้วงเวลามิคสัญญีผ่านพ้นไปแล้ว มนุษย์เดนตายเหล่านั้นก็จะพากันออกมาจากถ้ำจากภูเขา หาผลหมากรากไม้เลี้ยงชีวิต คือเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ เชื้อความดีที่ยังพอมีอยู่บ้างก็ค่อยๆ เจริญงอกงามขึ้น อายุก็ยืนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงแปดหมื่นปีอีก ถ้าเทียบกับเรื่องจตุรยุค ก็เท่ากับตั้งต้นกฤดายุคกันใหม่นั่นเอง

จักกวัตติสูตรบรรยายต่อไปอีกว่า เมื่อมนุษย์กลับมีอายุยืนถึงแปดหมื่นปีนั้น ผู้หญิงอายุห้าพันปีจึงจะมีสามีได้ 

มนุษย์ในยุคนั้นจะมีโรคเพียง ๓ อย่าง คือ 

๑. โรคหิวอาหาร   ๒. โรคเบื่ออาหาร (คือกินจนอิ่มแล้วก็อยากจะนอนเท่านั้น)   ๓. โรคแก่ชรา 

ท่านบอกด้วยว่า พระศรีอริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในยุคนั้นแล 

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย,  ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓,  ๑๑: ๒๒

ทำนายปัตถเวน - คำทำนายที่โคตรแม่น (ตอน ๑) (ตอน ๒),  (ตอน ๓) (ตอน ๔) (ตอน ๕) (ตอน ๖), (ตอน ๗) (ตอน ๘) (ตอน ๙) (ตอน ๑๐) (ตอน ๑๑) (ตอน ๑๒),   (ตอน ๑๓) (ตอน ๑๔) (ตอน ๑๕) (ตอน ๑๖) (ตอน ๑๗) (ตอน ๑๘) (ตอน ๑๙) (ตอน ๒๐) (ตอน ๒๑) (ตอน ๒๒) (ตอน ๒๓)








Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: