วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2564

ทำนายปัตถเวน - คำทำนายที่โคตรแม่น (ตอน ๒๓)

ทำนายปัตถเวน - คำทำนายที่โคตรแม่น (ตอน ๒๓)

คำทำนายฝันครั้งประวัติศาสตร์

เทียบท่า ๔

เหตุที่ผมหยิบเอาเรื่องทำนายปัตถเวน - คำทำนายที่โคตรแม่น มาเขียน ก็เพื่อปลอบใจตัวเองและเตือนใจตัวเองครับ 

หมายความว่ากระไร?

ไม่ได้มีความหมายพิเศษว่ากระไรหรอกครับ เพียงแต่ว่า ในขณะที่ผมกำลังเขียนเรื่องนี้ ผมเริ่มจะมีอายุมากขึ้น ได้พบได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นบ้าง ได้ประสบกับตัวเองบ้าง ซึ่งเรียกรวมว่าเป็น “สภาพที่เกิดขึ้นในสังคม” มากขึ้น 

ในบรรดา “สภาพที่เกิดขึ้นในสังคม” ทั้งหลายนั้น ผมสังเกตเห็นว่า เหตุที่เกิดขึ้นแล้วทำให้ผมอนุโมทนา มีน้อยกว่าที่ทำให้ผมอึดอัดหรือบางทีก็ขัดเคือง ชนิดยิ่งนานวันเข้า ก็ยิ่งมีอัตราส่วนที่แตกต่างกันมากยิ่งขึ้น 

มันทำให้ผมต้องถามตัวเองอยู่เอ็ดอึงว่า ทำไมคนทุกวันนี้จึงประพฤติอย่างนี้ ทำไมไม่ประพฤติอย่างโน้น

จะเรียกว่าผมผิดหวังกับสังคมก็คงจะใช่ หรือจะว่าผมทำตัวเป็นคนแบกโลกไว้ทั้งโลก ก็คงจะใช่อีก 

ผมเชื่อว่า ยังมีคนอีกหลายคนมีอาการแบบเดียวกับผม และอาการแบบนี้ถ้าไม่ทำให้เป็นคนก้าวร้าวต่อสังคมหรือมองโลกในแง่ร้าย ก็อาจทำให้เป็นคนหลบหน้าหลบตามนุษย์ หรือเตลิดเปิดเปิงออกไปจากสังคมชนิดที่กู่ไม่กลับไปเลย 

ไม่ว่าจะเป็นไปในทางไหน ก็ล้วนแต่ไม่ค่อยจะเข้าท่าเสียทั้งนั้น แต่ที่เป็นอันตรายมากก็คือ คนประเภทนี้ตกเป็นเหยื่อได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นเหยื่อทางเศรษฐกิจ (สังคมมันเลวกันนัก กูโกงแม่งให้รวยไปเลย) หรือเหยื่อทางการเมือง (สังคมมันเลวกันนัก กูรวบอำนาจไว้คนเดียวซะเถอะ) 

ยิ่งในสถานการณ์ที่มีคนจ้องจะทำอะไรๆ กับสังคมไทยอย่างทุกวันนี้ด้วยแล้ว บุคคลประเภทที่ผิดหวังกับสังคมก็เท่ากับเป็นระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง 

เผลอๆ อาจจะตูมตามออกมา ทำให้สังคมพลิกตัวชนิดเหนือความคาดหมายเอาง่ายๆ   ถ้าจะถามผมว่า แล้วจะแก้ไขกันยังไง? ผมก็เห็นจะต้องด้วยความยินดีว่าไม่ทราบ  ผมไม่มีปัญญาจะไปแก้ไข หรือบอก หรือสั่งให้ใครไปแก้ไขอะไรได้  แม้ถ้าสมมุติว่าผมมีอำนาจบาตรใหญ่ สามารถสั่งได้ ผมก็แน่ใจว่าคงไม่มีใครเต็มใจทำตาม 

จะว่าไปแล้ว ความเสื่อมทรามในสังคมเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องเกิด เพราะมันเป็นกฎธรรมดา จึงไม่มีความเป็นที่จะต้องไปแก้ไขอะไรให้วุ่นวาย  ที่ว่าอย่างนี้ไม่ได้แปลว่า งอมืองอเท้า ปล่อยให้ตัวเองหรือสังคมล่องลอยไปตามบุญตามกรรม แบบที่คนส่วนมากมักจะเข้าใจไปว่าพระพุทธศาสนาสอนให้คนคิดอย่างนั้น 

ผมยังเชื่อตามพุทธภาษิตที่ว่า -

อตีตํ  นานฺวาคเมยฺย   อย่าหวนละห้อยถึงอดีต 

นปฺปฏิกงฺเข อนาคตํ    อย่าฝันหวานถึงอนาคต 

ยทตีตมฺปหีนนฺตํ     อดีตผ่านพ้นไปแล้ว 

อปฺปตฺตญฺจ อนาคตํ.    อนาคตก็ยังมาไม่ถึง 

ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ โย ธมฺมํ   อะไรที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 

ตตฺถ  ตตฺถ  วิปสฺสติ   ทำความเข้าใจเรื่องนั้นๆ ให้ชัดเจน 

อสํหิรํ  อสงฺกุปฺปํ    ไม่หวั่นไหว ไม่วุ่นวาย 

ตํ  วิทฺธามนุพฺรูหเย.   ทำความเข้าใจเรื่องนี้ไว้เสมอๆ 

อชฺเชว  กิจฺจมาตปฺปํ   อะไรที่จะต้องทำ ก็ทำวันนี้เลย 

โก  ชญฺญา  มรณํ  สุเว.   ใครจะรู้ได้ว่าพรุ่งนี้จะตาย (หรือจะอยู่) 

ฉะนั้น ใครที่เคยคิดว่าพระพุทธศาสนาสอนให้คนยอมสยบให้กับกรรมเก่าก็ดี สอนให้ปล่อยตัวลอยไปตามน้ำก็ดี ถ้าจะกรุณาลองหันมาสนใจพระพุทธภาษิตบทนี้ดูบ้าง ก็คงจะดีหาน้อยไม่ 

พระท่านบอกให้รีบทำอะไรที่ควรจะทำเสียในวันนี้ ท่านจะทำหรือจะไม่ทำ ก็เป็นสิทธิส่วนตัวของแต่ละบุคคล ผมไม่มีอำนาจไปบังคับให้ท่านรีบทำหรือรีบหยุดได้   แต่พระท่านบอกว่า ให้ทำความเข้าใจเรื่องนั้นๆ ให้ชัดเจน ข้อนี้แหละที่อาจจะพอช่วยกันและกันทำความเข้าใจให้ชัดเจนได้บ้างตามสติปัญญา 

เมื่อสังคมชักจะเสื่อมทรามลงไปทุกวัน ทำให้คนผิดหวังกับสังคมเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ผมก็หาเรื่องคำทำนายอนาคตของสังคมาบอกตัวเอง แล้วเอามาให้ท่านอ่านกันเล่น เป็นการช่วยกันทำความเข้าใจเรื่องนั้นๆ ให้ชัดเจนขึ้น 

อย่างน้อยที่สุดก็หวังว่า จะทำให้ท่านร้องออกมาว่า “อ๋อ ... ผู้รู้ท่านรู้กันมาแล้วนี่นาว่ามันจะต้องเป็นยังงี้ ...”   แล้วต่อจากนั้น ท่านก็น่าจะสบายใจขึ้นมาบ้างเมื่อรู้เห็น หรือต้องเผชิญความไม่เข้าท่าต่างๆ ที่มีคนช่วยกันทำให้เกิดขึ้นในสังคม 

สำหรับท่านที่เป็นคนซื่อบริสุทธิ์ ไม่เคยรู้ไม่เคยเฉลียวใจมาก่อน หากเผอิญเคยไปทำอะไร หรือกำลังทำอะไรบางอย่าง เมื่ออ่านเรื่องนี้แล้ว ท่านอาจจะอุทานออกมาว่า “อ้าว! เฮ้ย! ไอ้ที่กูทำนี่ก็ด้วยนี่หว่า ไม่ยักรู้ ไม่เห็นมีใครบอกกันมั่งเลย เกือบซวยไปแล้วไหมเนี่ย ...”

เป็นอันว่า เรื่องความเสื่อมทรามของโลกนั้นเป็นเรื่องที่ต้องเกิดแน่ จะมีใครคิดแก้หรือไม่แก้ก็ต้องเกิด เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ต้องทำใจให้ยอมรับ   ปัญหามีอยู่ว่า เราจะกระโจนลงไปเป็นส่วนผสมของความเสื่อมทรามนั้นด้วยคนหนึ่ง หรือว่าจะปลีกตัวออกมา แล้วยืนหยัดอยู่เพื่อเป็นบรรพบุรุษของ “มนุษย์จำนวนน้อยที่หลบออกไปอยู่ตามป่าดงพงชัฏ”? 

ถ้าจะเที่ยวเดินถามใครต่อใครไปว่า “ท่านเป็นคนหนึ่งใช่ไหมที่ทำให้สังคมนี้เสื่อมทราม?” ก็คงจะมีแต่คนที่ปฏิเสธอย่างแข็งแรงว่า “เปล่า! ไม่ใช่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องการเป็นคนดี แต่คนอื่นๆ นั่นสิทำให้สังคมนี้เสื่อมทราม” 

สมมุติว่า สังคมนี้หรือโลกนี้มีคนอยู่พันคนถ้วนๆ ถ้าคนทั้งพันตอบเช่นนี้ทุกคน-และจริงๆ แล้วทุกคนก็จะต้องตอบอย่างนั้น-ก็แล้ว “คนอื่นๆ ที่ทำให้สังคมเสื่อมทราม” นั้น คือใครที่ไหนกันเล่า?

คำตอบก็คือ เมื่อคนหนึ่งตอบ อีกเก้าร้อยเก้าสิบเก้าคนก็คือ “คนอื่นๆ” เพราะฉะนั้น ทุกคน หรือทั้งพันคนนั่นแหละคือ “คนอื่นๆ ที่ทำให้สังคมเสื่อมทราม” 

ความเสื่อมทรามในสังคมเกิดขึ้นก็เพราะอย่างนี้ 

คือ เพราะแต่ละคนมัวแต่อ้างว่าเป็นเพราะคนอื่น หรือโทษคนอื่นว่าทำให้สังคมเสื่อมทราม  หรือไม่ก็เอาคนอื่นๆ มาอ้าง เช่นอ้างว่า --

ใครๆ เขาก็ทำกันอย่างนี้   เขาทำอย่างนี้กันทั้งนั้น   เราคนเดียวจะไปฝืนอยู่ได้อย่างไร  ฯลฯ  ก็ในเมื่อ “ทุกคนคือคนอื่นๆ ที่ทำให้สังคมเสื่อมทราม” แล้วจะเหลือใครไว้สำหรับทัดทาน ต่อต้าน หรือฝืนกระแสความเสื่อมทรามบ้างเล่า? 

ทั้งหลายทั้งปวงที่ผมเขียนมาก็มาจบลงตรงนี้ 

ท่านอาจจะบอกว่า ไร้สาระ ไม่มีใครเขาสนใจเรื่องโง่งมโบรมราณแบบนี้กันแล้วแหละลุง โลกเราต้องพัฒนาไปข้างหน้า ไม่ใช่มัวแต่บ้าอยู่กับคัมภีร์-เหมือนลุง   ก็ไม่ว่ากัน 

ท่านมีสิทธิ์ที่จะเห็นว่าไร้สาระ   ผมก็มีสิทธิ์ที่จะเห็นว่ามีสาระ  เรามีสิทธิเสรีภาพทางวิชาการเท่าเทียมกัน   ต่อจากนี้ ก็เป็นหน้าที่ของท่านผู้อ่านที่จะคิดเอา   เมื่อเห็นความเสื่อมทรามในสังคม ก็คงจะคิดได้หรือได้คิดขึ้นมาบ้างว่า เรื่องมันจะต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว 

ถ้าคิดแล้ว ท่านยังต้องการกระโจนลงไปเป็นส่วนผสมหรือส่วนหนึ่งของความเสื่อมทราม ก็ย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรมของท่าน   แต่ถ้าคิดแล้ว ท่านต้องการเป็นบรรพบุรุษของ “มนุษย์จำนวนน้อยที่หลบออกไปอยู่ตามป่าดงพงชัฏ” ผมก็ขออนุโมทนา   และถ้าจะมีบุคคลเช่นนี้จริงๆ-แม้เพียงคนเดียว ก็ถือได้ว่า ผมเขียนเรื่องนี้ไม่เสียแรงเปล่า

เทียบท่าเรียบร้อยครับท่าน! 

เชิญขึ้นบก และแยกย้ายกันไปแสวงหาสิ่งที่เป็นสาระตามทัศนะของแต่ละท่าน-ตามอัธยาศัย   เรือน้อยลำนี้ทำหน้าที่ส่งท่านที่ท่านี้ แต่ไม่มีหน้าที่รับกลับ  ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะย้อนกลับไปยังที่ที่ท่านจากมา   ท่านมีหน้าที่เดินหน้าต่อไป   จะไปไหน ท่านมีสิทธิ์เลือก   และท่านต้องเลือกเอง  ขอให้โชคดีเถิด

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย,  ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓,  ๑๓:๔๓

ทำนายปัตถเวน - คำทำนายที่โคตรแม่น (ตอน ๑) (ตอน ๒),  (ตอน ๓) (ตอน ๔) (ตอน ๕) (ตอน ๖), (ตอน ๗) (ตอน ๘) (ตอน ๙) (ตอน ๑๐) (ตอน ๑๑) (ตอน ๑๒),   (ตอน ๑๓) (ตอน ๑๔) (ตอน ๑๕) (ตอน ๑๖) (ตอน ๑๗) (ตอน ๑๘) (ตอน ๑๙) (ตอน ๒๐) (ตอน ๒๑) (ตอน ๒๒) (ตอน ๒๓)







Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: