ผู้ฉลาดในประโยชน์ (ตน)
กุลบุตรผู้บวชในพระศาสนานี้ ประกอบตนโดยชอบ ละอเนสนา (อเนสนา การหาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่สมควรแก่ภิกษุ) ปรารถนาแต่จะตั้งอยู่ในจตุปาริสุทธิศีล คือ
๑. ปาติโมกขสังวรศีล คือสำรวมในพระปาติโมกข์
๒. อินทรีย์สังวรศีล คือสำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
๓. อาชีวปาริสุทธิศีล คือเลี้ยงชีพโดยทางชอบ
๔. ปัจจยสันนิสสิตศีล คือบริโภคปัจจัยด้วยการพิจารณา
จตุปาริสุทธิศีล คือความบริสุทธิ์ หรือ ศีลคือเครื่องให้บริสุทธิ์ ๔ ประการเหล่านี้ จะบริสุทธิ์ได้ กุลบุตรต้องมีธรรม ๔ ประการ คือ ๑.ศรัทธา ๒.สติ ๓.วิริยะ และ ๔.ปัญญา จึงจะประกอบตนให้ตั้งในจตุปาริสุทธิศีลนั้นได้อย่างบริสุทธิ์ คือ
๑. บำเพ็ญปาติโมกขสังวรศีลด้วยศรัทธาเป็นสำคัญ
๒. บำเพ็ญอินทรียสังวรศีลด้วยสติเป็นสำคัญ
๓. บำเพ็ญอาชีวปาริสุทธิศีลด้วยความเพียรเป็นสำคัญ
๔. บำเพ็ญการเสพปัจจัยด้วยปัญญาเป็นสำคัญ
กุลบุตรนี้ชื่อว่าผู้ฉลาดในประโยชน์ (ตน) ดังนี้แล.
สาระธรรมจากอรรถกถาเมตตสูตร ในขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ
พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) วัดสามพระยา กรุงเทพ ฯ
18/8/65
ความโกรธมีโทษมาก จงหมั่นข่มจิตด้วยมีเมตตาต่อกันเถิด , คนที่เทวดารัก , ใจริษยากับใจตระหนี่ไม่ได้ทำให้เป็นคนดูดีมีสง่าราศรี , สมณะ คือผู้สงบ , จิตที่ผ่องใส ใจที่บริสุทธิ์ , คนที่ไม่ขยันในกาลที่ควรขยัน จัดเป็นผู้มีความดำริอันจมดิ่งลง... , คนทำชั่วก็เป็นคนชั่ว ส่วนคนทำดีก็เป็นคนดี , คนที่อวดฉลาดมักไม่รู้สึกตัวว่าตนโง่ , ศีล , ชีวิตมิได้มีแต่วันนี้ , บุญบาปล้วนแต่เป็นเครื่องข้อง , ความกังวล มักเกิดจากความยึดถือด้วยตัณหาในฐานะ ๓ อย่าง , เครื่องกั้นมิให้สิ้นไปจากอาสวะ , บางครั้งต้องอยู่คนเดียวให้เป็น , มัวร่าเริงหรือเพลิดเพลินอะไรกันหนอ ? , เหตุที่จะนำสุขมาให้ คือการรักษาคุ้มครองจิตไว้ให้ได้ , ลมรังควานต้นไม้ที่ทุพพลภาพได้ฉันใด , จิตประณีตเริ่มจาก , คุณสมบัติของคนดีเริ่มจาก , “บัณฑิตนั้น พึงเป็นผู้มีศีล มีปัญญา และตั้งอยู่ในธรรม” , ถ้าเจอคนแบบนี้ไม่ต้องกลัว ไม่เท่าไรหรอก ? , อาปายิกสูตร , ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ? , เหตุเกิดแห่งอกุศลกรรม , การจะไปมาหาสู่เข้าเป็นพวกเดียวกัน หรือคบค้ากัน หรือคบค้าสมาคมกัน , อามิสกับธรรมพระพุทธองค์มักแสดงไว้คู่กันเสมอ , ไม่มีใครที่ไม่เคยทำอะไรผิดเลย , เหตุไฉนผิวพรรณจึงผ่องใส ? , ทุกข์ปรากฎที่ไหนต้องดับที่นั้น , รู้เพื่อละ
0 comments: