วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ใจริษยากับใจตระหนี่ไม่ได้ทำให้เป็นคนดูดีมีสง่าราศรี

ใจริษยากับใจตระหนี่ไม่ได้ทำให้เป็นคนดูดีมีสง่าราศรี

ธรรมชาติที่ปรุงแต่งจิต ให้จิตเกิดความไม่ยินดี ชื่อว่าความริษยา เช่นริษยาในการได้ลาภได้ยศของผู้อื่นเป็นต้น

คนริษยาจะไม่ชอบใจในความมั่งมีหรือการได้ยศของผู้อื่น เห็นผู้อื่นได้ดีย่อมเบือนหน้าหนี ชอบคิดชอบพูดถึงแต่สมบัติของผู้อื่น

ส่วนธรรมชาติที่ปรุงแต่งจิต ให้จิตเกิดความตระหนี่เหนียวแน่น ชื่อว่าความตระหนี่  เช่นไม่ยอมเสียสละแม้แต่ของเล็กๆ น้อยๆ เป็นต้น

คนตระหนี่ชอบซ่อนสมบัติของตน ไม่ชอบให้สมบัติของตนเป็นสาธารณะแก่ผู้อื่น ใจแต่มีความหดหู่ หวงแหน ไม่เคยคิดเผื่อแผ่ ตระหนี่ทุกอย่าง ทั้งที่อยู่ ทั้งตระกูล ทั้งลาภ ทั้งวรรณะ ทั้งธรรม  ชอบคิดชอบพูดถึงแต่สมบัติของตน

ความริษยาและความตระหนี่เหล่านี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเรามีความสุข ฉะนั้น อย่าคิดว่ามันดีเลย  เพราะความริษยาและความตระหนี่เหล่านี้ล้วนมีโทสะเป็นมูล (เกิดจาการไม่เอาใจใส่เป็นอันดีต่ออารมณ์ จึงไม่รู้จักพอในสิ่งที่ได้ในสิ่งที่มีตามกำลังและตามสมควรแก่ตน)

ดังพระพุทธพจน์ว่า

น  วากฺกรณมตฺเตน    วณฺณโปกฺขรตาย  วา

สาธุรูโป  นโร  โหติ     อิสฺสุกี  มจฺฉรี  สโฐ

ยสฺส  เจตํ  สมุจฺฉินฺนํ   มูลฆจฺจํ  สมูหตํ

ส  วนฺตโทโส  เมธาวี   สาธุรูโปติ  วุจฺจตีติ ฯ

แปลว่า

“นรชนผู้มีความริษยา มีความตระหนี่ โอ้อวด จะชื่อว่าเป็นคนดี เพราะเหตุสักว่าทำการพูดจัดจ้าน หรือเพราะมีผิวกายงาม ก็หาไม่,  

ส่วนผู้ใดตัดโทสชาต มีความริษยาเป็นต้นนี้ได้ขาด ถอนขึ้นให้รากขาด, ผู้นั้นมีโทสะอันคายแล้ว มีปัญญา เราเรียกว่า ‘คนดี’.ดังนี้ ฯ

สาระธรรมจากอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ธัมมัตถวรรค (เรื่องภิกษุมากรูป)

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) วัดสามพระยา กรุงเทพ ฯ

4/8/65

สมณะ คือผู้สงบ , จิตที่ผ่องใส ใจที่บริสุทธิ์ , คนที่ไม่ขยันในกาลที่ควรขยัน จัดเป็นผู้มีความดำริอันจมดิ่งลง... , คนทำชั่วก็เป็นคนชั่ว ส่วนคนทำดีก็เป็นคนดี , คนที่อวดฉลาดมักไม่รู้สึกตัวว่าตนโง่ , ศีล , ชีวิตมิได้มีแต่วันนี้ , บุญบาปล้วนแต่เป็นเครื่องข้อง , ความกังวล มักเกิดจากความยึดถือด้วยตัณหาในฐานะ ๓ อย่าง , เครื่องกั้นมิให้สิ้นไปจากอาสวะ , บางครั้งต้องอยู่คนเดียวให้เป็น , มัวร่าเริงหรือเพลิดเพลินอะไรกันหนอ ? , เหตุที่จะนำสุขมาให้ คือการรักษาคุ้มครองจิตไว้ให้ได้ , ลมรังควานต้นไม้ที่ทุพพลภาพได้ฉันใด , จิตประณีตเริ่มจาก , คุณสมบัติของคนดีเริ่มจาก , “บัณฑิตนั้น พึงเป็นผู้มีศีล มีปัญญา และตั้งอยู่ในธรรม” ,  ถ้าเจอคนแบบนี้ไม่ต้องกลัว ไม่เท่าไรหรอก ? , อาปายิกสูตร , ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ? , เหตุเกิดแห่งอกุศลกรรม , การจะไปมาหาสู่เข้าเป็นพวกเดียวกัน หรือคบค้ากัน หรือคบค้าสมาคมกัน , อามิสกับธรรมพระพุทธองค์มักแสดงไว้คู่กันเสมอ , ไม่มีใครที่ไม่เคยทำอะไรผิดเลย ,  เหตุไฉนผิวพรรณจึงผ่องใส ? , ทุกข์ปรากฎที่ไหนต้องดับที่นั้น , รู้เพื่อละ 

post written by:

Related Posts

  • “คติธรรม.. นำชีวิต”“คติธรรม.. นำชีวิต”* อะไรที่ไม่แน่นอน  -  อย่าไปตั้งความหวัง* อะไรที่ไม่จริงจัง  -  อย่าไปตั้งใจรอ* สิ่งใดที่ปรารถนา แต่รู้ว่าเขาไม่ให้ … Continue Reading
  • ความโกรธมีโทษมาก จงหมั่นข่มจิตด้วยมีเมตตาต่อกันเถิดความโกรธมีโทษมาก จงหมั่นข่มจิตด้วยมีเมตตาต่อกันเถิดเมื่อเกิดความโกรธมาก ถ้าข่มความโกรธนั้นไม่ได้ คนเราก็ฆ่ากันได้ เพราะความโกรธเป็นเหมือนรถที่แล่นเร็ว จึงมีลักษ… Continue Reading
  • ทุกข์เกิดเพราะตัณหา คือทุกข์เกิดเพราะตัณหา คือ๑. เพราะยังมีความโลภ หรือความอยากได้ที่ไม่สามารถให้อิ่มได้๒. เพราะยังไม่ได้ทำความดีไว้ มัวแต่เพลิดเพลินสนุกสนาน๓. เพราะยังมีเครื่องพัวพัน… Continue Reading
  • ผู้ฉลาดในประโยชน์ (ตน)ผู้ฉลาดในประโยชน์ (ตน)กุลบุตรผู้บวชในพระศาสนานี้ ประกอบตนโดยชอบ ละอเนสนา (อเนสนา การหาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่สมควรแก่ภิกษุ) ปรารถนาแต่จะตั้งอยู่ในจตุปาริสุทธิศีล ค… Continue Reading
  • วัฏฏะอันเป็นไปใน ๓ ภูมิวัฏฏะอันเป็นไปใน ๓ ภูมิวัฏฏะ คือความวน หรือความเวียน มี ๓ อย่างคือ๑. กิเลสวัฏฏะ วนคือกิเลส๒. กรรมวัฏฏะ วนคือกรรม๓. วิปากวัฏฏะ วนคือวิบาก ผลของกรรมหมายความว่า๑. … Continue Reading

0 comments: