วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564

“ธรรมของสัตบุรุษกับธรรมของอสัตบุรุษ นักปราชญ์กล่าวว่า ไกลกันยิ่งกว่าท้องฟ้ากับพื้นปฐพี”

“ธรรมของสัตบุรุษกับธรรมของอสัตบุรุษ นักปราชญ์กล่าวว่าไกลกัน ยิ่งกว่าท้องฟ้ากับพื้นปฐพี”

เพราะว่า ธรรมของอสัตบุรุษทั้งหลายเช่น ความหลอกลวง ความกระด้าง ความเป็นคนประจบ ความชอบวางท่า ความอวดดี และความมีจิตไม่ตั้งมั่น ย่อมเป็นเหตุให้ไม่เจริญงอกงามในพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ส่วนธรรมของสัตบุรุษทั้งหลายเช่น ความไม่หลอกลวง ความไม่กระด้าง ความไม่เป็นคนประจบ ความไม่ชอบวางท่า ความไม่อวดดี และความมีจิตตั้งมั่น ย่อมเป็นเหตุให้เจริญงอกงามในพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังพระพุทธพจน์ว่า

กุหา  ถทฺธา  ลปา  สิงฺคี    อุนฺนฬา  อสมาหิตา

น  เต  ธมฺเม  วิรูหนฺติ        สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต ฯ

แปลว่า  “พวกภิกษุผู้หลอกลวง กระด้าง เป็นคนประจบ ชอบวางท่า อวดดี และมีจิตไม่ตั้งมั่น ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้”

นิกฺกุหา นิลฺลปา ธีรา   อถทฺธา สุสมาหิตา

เต เว ธมฺเม วิรูหนฺติ    สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเตติ ฯ

แปลว่า  “ส่วนพวกภิกษุผู้ไม่หลอกลวง ไม่ประจบ เป็นนักปราชญ์ ไม่กระด้าง และมีจิตตั้งมั่นดี ย่อมงอกงาม ในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้ว ดังนี้”

ในพระคาถาทั้งสองนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า “ถึงแม้ว่า ภิกษุเหล่านั้นบวชแล้วในศาสนาของเราตถาคต แต่เพราะไม่ปฏิบัติตามที่เราตถาคตสอน จึงเท่ากับไปแล้วจากพระธรรมวินัยนี้นั่นเอง คือ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่าอยู่ไกลแสนไกลจากศาสนานี้ 

สมจริงดังที่ตรัสคำนี้ไว้ว่า  

“ท้องฟ้ากับพื้นปฐพี นักปราชญ์กล่าวว่าอยู่ไกลกัน และฝั่งมหาสมุทร (ทั้ง ๒ ฝั่ง) นักปราชญ์ก็กล่าวว่าอยู่ไกลกัน  ข้าแต่พระราชา แต่ธรรมของสัตบุรุษกับของอสัตบุรุษนักปราชญ์กล่าวว่าไกลกันยิ่งกว่านั้นเสียอีก” ดังนี้.

สาระธรรมจากกุหสูตร,  พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ), 26/8/64



Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: