วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ความประมาทเป็นดุจธุลี ความประมาทที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็จัดเป็นดุจกองธุลี..."

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า 

“ความประมาทเป็นดุจธุลี  ความประมาทที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็จัดเป็นดุจกองธุลี  กุลบุตรผู้เป็นบัณฑิตควรถอนลูกศรคือกิเลสของตนด้วยความไม่ประมาทและด้วยวิชชา”

อธิบายความ

ความอยู่ปราศจากสติ ชื่อว่าความประมาท, ความประมาทนั้นชื่อว่าเป็นธุลี เพราะว่าเป็นมลทินของจิต  ธุลีนั้นติดตามความประมาทมา และความผิดก็เกิดขึ้นจากความประมาท ด้วยว่าแต่ไหนแต่ไรมา ชื่อว่าความประมาทที่ไม่เป็นธุลีไม่มีเลย.

พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแสดงไว้ว่า “ท่านทั้งหลายอย่าได้ถึงความวางใจว่า “ขณะนี้พวกเรายังหนุ่มสาวอยู่ก่อน พวกเราจักรู้ได้ในภายหลัง” เพราะว่าความประมาทแม้ในเวลาเป็นหนุ่มสาวก็จัดว่าเป็นธุลี ความประมาทในวัยกลางคนก็มี ในวัยแก่ก็มี จัดว่าเป็นธุลีใหญ่ เพราะธุลีที่ติดตามความประมาทในวัยทั้งสามนั้น จัดว่าเป็นกองหยากเยื่อกองใหญ่ทีเดียว (ถ้าประมาทในวัยทั้งสามก็จะกลายเป็นกองขยะกองใหญ่)

เพราะฉะนั้น กุลบุตรผู้เป็นบัณฑิตพึงถอนลูกศร ๕ อย่าง คือ  ๑. ลูกศรคือราคะ ความยินดีในกาม  ๒. ลูกศรคือโทสะ ความโกรธ  ๓. ลูกศรคือโมหะ ความหลง   ๔. ลูกศรคือมานะ ความถือตัว  ๕. ลูกศรคือทิฏฐิ ความเห็นผิด (บางสูตรท่านแสดงลูกศรไว้ ๗ อย่าง เพิ่ม (๖) ลูกศรคือกิเลส (๗) ลูกศรคือทุจริต)

อันอาศัยหทัยของตน ด้วยความไม่ประมาท คือการอยู่โดยไม่ปราศจากสติ และด้วยวิชชา คืออาสวักขยญาณ ดังนี้

สาระธรรมจากอรรถกถาอุฏฐานสูตร

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ)

15/8/64



Previous Post
Next Post

post written by:

0 comments: