วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2565

เกิดเป็นคนควรมีศักดิ์ศรี คือความภูมิใจในตัวเอง

เกิดเป็นคนควรมีศักดิ์ศรี คือความภูมิใจในตัวเอง

เพราะถ้ามุ่งแต่จะได้ลาภสักการะและชื่อเสียงอย่างเดียว แต่ขาดหิริโอตตัปปะ มีแต่ความปรารถนาลามกและมีความเห็นผิดเป็นชอบเสียแล้ว ก็นับว่าเสียเกียรติศักดิ์ของความเป็นคน หาความภาคภูมิใจมิได้

แม้เพื่อนผู้ประพฤติพรหมจรรย์ด้วยกันรู้เข้าก็ไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่สรรเสริญ มีแต่ความน่ารังเกียจเท่านั้น

เพราะฉะนั้น ท่านจึงสอนไว้ว่า 

ลาภและยศหาบไปไม่ได้แน่  มีเพียงแต่ต้นทุนบุญกุศล  

ทรัพย์สมบัติทิ้งไว้ให้ปวงชน  แม้ร่างตนเขายังเอาไปเผาไฟ

เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า  เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน

เจ้ามามือเปล่าเจ้าจะเอาอะไร  เจ้าก็ไปมือเปล่าเหมือนเจ้ามา ฯ

____

สาระธรรมจากอัปปิยสูตร สัตตกนิบาต อังคุตตรนิกาย

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) วัดสามพระยา กรุงเทพฯ 3/4/65

“บัณฑิตนั้น พึงเป็นผู้มีศีล มีปัญญา และตั้งอยู่ในธรรม” ,  ถ้าเจอคนแบบนี้ไม่ต้องกลัว ไม่เท่าไรหรอก ? , อาปายิกสูตร , ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ? , เหตุเกิดแห่งอกุศลกรรม , การจะไปมาหาสู่เข้าเป็นพวกเดียวกัน หรือคบค้ากัน หรือคบค้าสมาคมกัน , อามิสกับธรรมพระพุทธองค์มักแสดงไว้คู่กันเสมอ , ไม่มีใครที่ไม่เคยทำอะไรผิดเลย ,  เหตุไฉนผิวพรรณจึงผ่องใส ? , ทุกข์ปรากฎที่ไหนต้องดับที่นั้น , รู้เพื่อละ , การดับทุกข์ได้จริงและถูกต้อง ต้องไม่ทำบาปดับทุกข์ , การใคร่ครวญก่อนแล้วจึงตัดสินใจเป็นการดี​ , ภิกษุผู้มีชื่อเสียง คือประชาชนรู้จักกันทั่วแล้ว เมื่อจะแนะนำพร่ำสอนผู้อื่นต้องระวังให้มากขึ้นไปอีก  , ตราบใดที่ยังหมั่นทำความดีอยู่เสมอ ตราบนั้นชื่อว่ายังมีความหวัง , กรรมที่มีความเบียดเบียน คือกรรมที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน 







Previous Post
Next Post

0 comments: