วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

บุญบาปล้วนแต่เป็นเครื่องข้อง

บุญบาปล้วนแต่เป็นเครื่องข้อง

มีพระพุทธพจน์ว่า

“โยธ  ปุญฺญญฺจ  ปาปญฺจ      อุโภ  สงฺคํ  อุปจฺจคา,
 อโสกํ  วิรชํ  สุทฺธํ        ตมหํ  พฺรูมิ  พฺราหฺมณนฺติ ฯ

ความว่า

“บุคคลใดในโลกนี้ ล่วงเครื่องข้อง ๒ อย่าง คือบุญและบาป, เราตถาคตเรียกบุคคลนั้น ผู้ไม่เศร้าโศก ผู้ปราศจากกิเลสเพียงดังธุลี ผู้บริสุทธิ์หมดจดว่า “เป็นพราหมณ์” ดังนี้ ฯ

๑. บาป  ชื่อว่าเป็นเครื่องข้อง เพราะทำให้ชีวิตข้องขัด ติดขัด ขัดสน เป็นทุกข์

๒. บุญ  ชื่อว่าเป็นเครื่องข้อง เพราะทำให้ชีวิตติดอยู่ ผูกพัน นำพาให้ลุ่มหลง ติดอยู่ในสุขได้ง่าย

ดังนั้น  ในพระพุทธพจน์นั้น พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า “บุคคลใดในโลกนี้ ล่วงเครื่องข้อง ๒ อย่าง คือบุญและบาปได้แล้ว บุคคลนั้นย่อมไม่เศร้าโศก” ดังนี้เป็นอาทิ พระองค์ทรงหมายถึงว่า “พระอรหันต์เท่านั้นที่เป็นผู้ละได้ทั้งบาปและบุญ จึงเป็นผู้ปราศจากกิเลสเพียงดังธุลี เป็นผู้บริสุทธิ์หมดจดโดยแท้จริง” ดังนี้แล.

_____

สาระธรรมจากอรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท อรหันตวรรค (เรื่องพระขทิรวนิยเรวตเถระ)

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) วัดสามพระยา กรุงเทพฯ

4/7/65

ความกังวล มักเกิดจากความยึดถือด้วยตัณหาในฐานะ ๓ อย่างเครื่องกั้นมิให้สิ้นไปจากอาสวะ , บางครั้งต้องอยู่คนเดียวให้เป็น , มัวร่าเริงหรือเพลิดเพลินอะไรกันหนอ ? , เหตุที่จะนำสุขมาให้ คือการรักษาคุ้มครองจิตไว้ให้ได้ , ลมรังควานต้นไม้ที่ทุพพลภาพได้ฉันใด , จิตประณีตเริ่มจาก , คุณสมบัติของคนดีเริ่มจาก , “บัณฑิตนั้น พึงเป็นผู้มีศีล มีปัญญา และตั้งอยู่ในธรรม” ,  ถ้าเจอคนแบบนี้ไม่ต้องกลัว ไม่เท่าไรหรอก ? , อาปายิกสูตร , ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ? , เหตุเกิดแห่งอกุศลกรรม , การจะไปมาหาสู่เข้าเป็นพวกเดียวกัน หรือคบค้ากัน หรือคบค้าสมาคมกัน , อามิสกับธรรมพระพุทธองค์มักแสดงไว้คู่กันเสมอ , ไม่มีใครที่ไม่เคยทำอะไรผิดเลย ,  เหตุไฉนผิวพรรณจึงผ่องใส ? , ทุกข์ปรากฎที่ไหนต้องดับที่นั้น , รู้เพื่อละ , การดับทุกข์ได้จริงและถูกต้อง ต้องไม่ทำบาปดับทุกข์ , การใคร่ครวญก่อนแล้วจึงตัดสินใจเป็นการดี

"พระพุทธโชค" วัดเขาวงพระจันทร์ จ.ลพบุรี

อลังการพระใหญ่แห่งลพบุรี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยเชียงแสน ประดิษฐานริมเชิงเขาวงพระจันทร์ บริเวณพื้นที่รอบองค์พระเป็นลานกว้าง มีบันได ศาลาธรรม จุดชมวิว และอนุสรณ์หนุมาน








Previous Post
Next Post

0 comments: