วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

นนฺทิวิสาลชาตกํ - ว่าด้วยการพูดดี

นนฺทิวิสาลชาตกํ - ว่าด้วยการพูดดี

มนุญฺญเมว  ภาเสยฺย,     นามนุญฺญํ  กุทาจนํ;
มนุญฺญํ  ภาสมานสฺส,     ครุํ  ภารํ  อุททฺธริ;
ธนญฺจ  นํ  อลาเภสิ,       เตน  จตฺตมโน  อหูติฯ

"บุคคลพึงกล่าวแต่คำที่ไพเราะเท่านั้น, ไม่พึงกล่าวคำที่ไม่ไพเราะในกาลไหน ๆ, เมื่อพราหมณ์กล่าวคำไพเราะ, โคนันทิวิสาลได้ลากเอาภาระอันหนักไปได้, ทำพราหมณ์ผู้นั้นให้ได้ทรัพย์ด้วย, ตนเองก็เป็นผู้ปลื้มใจเพราะการช่วยเหลือนั้นด้วย."

นันทิวิสาลชาดกอรรถกถา

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเชตวันทรงปรารภการพูดเสียดแทงให้เจ็บใจ ของพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า  มนุญฺญเมว  ภาเสยฺย  ดังนี้. 

ความพิศดารว่า สมัยนั้น พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เมื่อกระทำการทะเลาะย่อมขู่ ย่อมตะเพิด ย่อมทิ่มแทง ย่อมด่าด้วยเรื่องสำหรับด่า ๑๐ ประการ. 

ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้เรียกภิกษุฉัพพัคคีย์มาแล้วตรัสถามว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า พวกเธอกระทำการทะเลาะจริงหรือ ?“ เมื่อพวกภิกษุฉัพพัคคีย์กราบทูลว่า „จริง พระเจ้าข้า“ จึงทรงติเตียนแล้วตรัสว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชื่อว่าวาจาหยาบกระทำ แต่ความฉิบหายให้ ไม่เป็นที่พอใจแม้แห่งสัตว์ดิรัจฉาน, แม้ในกาลก่อน สัตว์ดิรัจฉานตัวหนึ่ง ย่อมยังคนผู้ร้องเรียกตนด้วยคำหยาบให้พ่ายแพ้ด้วยทรัพย์พันหนึ่ง“, แล้วจึงทรงนำอดีตนิทานมา ดังต่อไปนี้. :-

ในอดีตกาล มีพระราชาพระนามว่าคันธาระ ครองราชสมบัติอยู่ในเมืองตักกศิลา แคว้นคันธาระ  พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดโค.  ครั้งในกาลที่พระโพธิสัตว์เป็นลูกโคหนุ่มนั่งเอง พราหมณ์คนหนึ่งได้พระโพธิสัตว์นั้นจากสำนักของทายกผู้ให้ทักษิณา ตั้งชื่อว่านันทิวิสาลแล้วตั้งไว้ในฐานะบุตรรักใคร่มาก ให้ข้าวยาคูและภัตเป็นต้นบำรุงเลี้ยงแล้ว.

พระโพธิสัตว์เจริญวัยแล้ว คิดว่า พราหมณ์นี้ปรนนิบัติเราได้โดยยากชื่อว่าโคอื่นผู้มีธุระเสมอเช่นกับเรา ย่อมไม่มีในชมพูทวีปทั้งสิ้น ถ้ากระไร เราพึงแสดงกำลังของตนแล้วพึงให้ค่าเลี้ยงดูแก่พราหมณ์. 

วันหนึ่ง พระโพธิสัตว์นั้นกล่าวกะพราหมณ์ว่า „พราหมณ์ท่านจงไป จงเข้าไปหาโควินทกเศรษฐีนั่นแล้วกล่าวว่า โคพลิพัทของเรายังเกวียนร้อยเล่มซึ่งผูกติด ๆกันให้เคลื่อนไปได้ท่านจงกระทำการเดิมพันด้วยทรัพย์พันกหาปณะ“. พราหมณ์นั้น จึงไปยังสำนักของเศรษฐีสั่งสนทนาขึ้นว่า ในนครนี้โคของใครเพียบพร้อมด้วยเรี่ยวแรง. 

ลำดับนั้น เศรษฐีจึงกล่าวกะพราหมณ์นั้นว่า „ของตนโน้นและของตนโน้น“ แล้วกล่าวว่า „ก็ทั่วทั้งนครโคชื่อว่าเช่นกับด้วยโคทั้งหลายของเรา ย่อมไม่มี“. พราหมณ์กล่าวว่า „โคของเราตัวหนึ่งสามารถให้เกวียนร้อยเล่มผูกติด ๆ กันเคลื่อนไปได้ มีอยู่“. 

เศรษฐีกล่าวว่า „คฤหบดี โคเห็นปานนี้จะมีแต่ไหน?“. พราหมณ์กล่าวว่า „อยู่ในเรือนของเรา“. เศรษฐีกล่าวว่า „ถ้าอย่างนั้นท่านจงการทำเดิมพัน“. พราหมณ์กล่าวว่า „ดีละข้าพเจ้าจะทำแล้วได้กระทำเดิมพันด้วยทรัพย์พันกหาปณะ“. 

พราหมณ์นั้นยังเกวียนร้อยเล่มให้เต็มด้วยทราย กรวดและหินเป็นต้นแล้วจอดไว้ตามลำดับกันแล้วผูกเกวียนทุกเล่มเข้าด้วยกันด้วยเชือกสำหรับผูกเพลาแล้วให้โคนันทิวิสาลอาบน้ำแล้ว เจิมด้วยของหอม ประดับพวงมาลาที่คอแล้วเทียมเฉพาะตัวเท่านั้นที่ทูบเกวียนเล่มแรก ตนเองนั่งที่ทูบเกวียน เงื้อปฏักขึ้นแล้วกล่าวว่า „เจ้าโคโกง จงลากไป, เจ้าโคโกง จงนำไป“.

พระโพธิสัตว์คิดว่า พราหมณ์นี้ร้องเรียกเราผู้ไม่โกง ด้วยวาทะว่า โกง จึงได้ยืนทำเท้าทั้ง ๔ให้นั่ง เหมือนเสา. ทันใดนั้น เศรษฐีจึงให้พราหมณ์นำทรัพย์พันกหาปณะมา. พราหมณ์แพ้ (พนัน) ด้วยทรัพย์พันกหาปณะ จึงปลดโคแล้วไปเรือนถูกความโศกครองงำ จึงได้นอน. 

โคนันทิวิสาลเที่ยวไปแล้วกลับมา เห็นพราหมณ์ถูกความโศกครองงำ จึงเข้าไปหาแล้วกล่าวว่า „พราหมณ์ท่านนอนหลับหรือ?“. พราหมณ์กล่าวว่า „เราแพ้พนันด้วยทรัพย์พันกหาปณะ จะมีความหลับมาแต่ไหน“. โคนันทิวิสาลกล่าวว่า „ท่านพราหมณ์ ฉันอยู่ในเรือนของท่านมาตลอดกาลมีประมาณเท่านี้ เคยทำภาชนะอะไร ๆ แตก? เคยเหยียบใคร ๆ หรือเคยถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ในที่อันไม่ควร มีอยู่หรือ?“. พราหมณ์กล่าวว่า „ไม่มีดอก พ่อ“. 

ลำดับนั้น โคนันทิวิสาลกล่าวว่า „เมื่อเป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไร?  ท่านจึงเรียกฉันด้วยวาทะว่าโคโกง, นั้นเป็นโทษของท่านเท่านั้น, โทษของฉันไม่มี, ท่านจงไปจงทำเดิมพันด้วยทรัพย์ ๒,๐๐๐ กหาปณะกับเศรษฐีนั้น, ขออย่างเดียวท่านอย่าเรียกฉันผู้ไม่โกง ด้วยวาทะว่า โคโกง“. 

พราหมณ์ได้ฟังคำของโคนันทิวิสาลนั้นแล้ว ไปทำเดิมพันด้วยทรัพย์ ๒,๐๐๐ กหาปณะแล้วผูกเกวียนร้อยเล่มติดกันโดยนัยอันมีแล้วในก่อน ประดับโคนันทิวิสาลแล้วเทียมเกวียนเล่มแรกเข้าที่ทูบเกวียน. ถามว่า „เทียมอย่างไร ?“ ตอบว่า „พราหมณ์ผูกแอกให้แน่นที่ทูบเกวียนแล้ว เทียมโคนันทิวิสาลเข้าที่ปลายแอกข้างหนึ่งแล้วเอาเชือกที่ทูบเกวียนพันปลายแอกข้างหนึ่งแล้วใส่ไม้ค้ำยันปลายแอก เพลาและเชิงเกวียนเอาเชือกนั้นผูกให้แน่นแล้วจอดไว้ ก็เมือกระทำอย่างนี้ แอกย่อมไม่เคลื่อนไปทางโน้น ทางนี้ โคตัวเดียวเท่านั้น อาจลากไปได้“. 

ลำดับนั้น พราหมณ์นั่งบนทูบเกวียนลูบหลังโคนันทิวิสาลนั้นพลางกล่าวว่า „โคผู้เจริญ พ่อจงไป, โคผู้เสริญ พ่อจงลากไป“.

พระโพธิสัตว์ลากเกวียนร้อยเล่มที่ผูกติดกัน ด้วยกำลังแรงครั้งเดียวเท่านั้น ให้เกวียนเล่มที่ตั้งอยู่ข้างหลังไปตั้งอยู่ในที่ของเกวียนซึ่งตั้งอยู่ข้างหน้า. 

โควินทกเศรษฐีแพ้แล้วได้ให้ทรัพย์ ๒,๐๐๐ กหาปณะแก่พรหมณ์ มนุษย์แม้อื่น ๆ ก็ได้ให้ทรัพย์เป็นอันมากแก่พระโพธิสัตว์. ทรัพย์ทั้งหมดนั้นได้เป็นของพราหมณ์ทั้งนั้น. พราหมณ์นั้นอาศัยพระโพธิสัตว์จึงได้ทรัพย์เป็นอันมากด้วยประการอย่างนี้.

พระศาสดาตรัสว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ชื่อว่าคำหยาบไม่เป็นที่ชอบใจของใคร ๆ“,  แล้วทรงติเตียนพวกภิกษุฉัพพัคคีย์แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท เป็นพระผู้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะแล้วจึงตรัสพระคาถานี้ว่า :- 

„บุคคลพึงกล่าวแต่คำที่น่าพอใจเท่านั้น, ไม่พึงกล่าวคำที่ไม่น่าพอใจ ในกาลไหน ๆ, เมื่อพราหมณ์ กล่าวคำที่น่าพอใจ, โคนันทิวิสาลได้ลากเอาภาระหนัก ไปได้, ทำพราหมณ์ผู้นั้นให้ได้ทรัพย์ด้วย, ตนเองก็เป็นผู้ปลื้มใจเพราะการช่วยเหลือนั้นด้วย“. 

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า  มนุญฺญเมว  ภาเสยฺย  ความว่า บุคคลเมื่อจะกล่าวกับคนอื่น พึงกล่าวเฉพาะปิยวาจาอันอ่อนหวานอ่อนโยนเป็นที่น่าพอใจไพเราะเว้นจากโทษ ๔ ประการ. 

บทว่า  ครุภารํ  อุททฺธริ  ความว่า โคนันทิวิสาล เมื่อพราหมณ์กล่าวคำที่ไม่น่าพอใจ ก็ไม่ลากภาระ เมื่อพราหมณ์กล่าวคำเป็นที่รัก น่าพอใจในภายหลัง จึงลากภาระหนักไปให้ถึง. ก็ท อักษรในบทว่า  อุททฺธริ  นั้นในคาถานี้ เป็นอักษรทำการเชื่อมบท โดยการเชื่อมพยัญชนะแล.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้ว่า  มนุญฺญเมว  ภาเสยฺย  มาด้วยประการฉะนี้ แล้วจึงทรงประชุมชาดกว่า พราหมณ์ในกาลนั้นได้เป็นพระอานนท์  ส่วนโคนันทิวิสาลได้เป็นเราคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล.

_____

Credit: Palipage : Guide to Language - Pali

27. อภิณฺหชาตกํ - ว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ26. มหิฬามุขชาตกํ - ว่าด้วยการเสี้ยมสอน , 25. ติตฺถชาตกํ - ว่าด้วยการเบื่อเพราะซ้ำซาก , 24. ว่าด้วยม้าอาชาไนยกับม้ากระจอก 23. ว่าด้วยม้าสินธพอาชาไนย , 22. ว่าด้วยสุนัขที่ถูกฆ่า , 21. ว่าด้วยกวางกุรุงคะ , 20. เหตุที่ไม้อ้อเป็นรูทะลุตลอด , 19. ว่าด้วยการเปลื้องตน , 18. ว่าด้วยสัตว์ไม่ควรฆ่าสัตว์ , 17. ว่าด้วยความหนาวเกิดแต่ลม , 16. ว่าด้วยเล่ห์กลลวงพราน , 15. ว่าด้วยผู้ล่วงเลยโอวาท , 14. ว่าด้วยอำนาจของรส , 13. ว่าด้วยผู้ตกอยู่ในอำนาจหญิง , 12. ว่าด้วยการเลือกคบ , 11. ว่าด้วยผู้มีศีล , 10. ว่าด้วยการอยู่เป็นสุข , 9. ว่าด้วยเทวทูต , 8. ว่าด้วยไม่ใจเร็วด่วนได้ , 7. ว่าด้วยพระเจ้ากัฏฐวาหนะ ,  6. ว่าด้วยธรรมของเทวดา , 5. ว่าด้วยราคาข้าวสาร,  4. ว่าด้วยคนฉลาดตั้งตนได้ , 3.  ว่าด้วยเสรีววาณิช , 2. ว่าด้วยผู้ไม่เกียจคร้าน , 1. ว่าด้วยการรู้ฐานะและมิใช่ฐานะ 

"พระธาตุปูแจ" จ.แพร่ 

ชมวิว 360 องศา อ.ร้องกวาง พระธาตุตั้งอยู่บนเนินดอยเตี้ยๆ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกระดูกตาตุ่มข้างขวาของพระพุทธเจ้า สร้างมานานหลายร้อยปี ในฤดูฝนบรรยากาศเขียวขจี ท่ามกลางขุนเขา สายหมอก


Previous Post
Next Post

0 comments: