วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2565

อะไรที่ทำให้จิตเศร้าหมอง?

อะไรที่ทำให้จิตเศร้าหมอง?

[สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้กล่าวกับเหล่าภิกษุว่า]

พ:  สิ่งที่ทำให้ทองเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส แตกสลายง่าย ใช้งานไม่ได้ จะทำเป็นเครื่องประดับก็ไม่ได้ มี 5 อย่าง คือ เหล็ก โลหะ ดีบุก ตะกั่ว และเงิน ฉันใดฉันนั้น

สิ่งที่ทำให้จิตเศร้าหมอง (อุปกิเลส) ไม่ผ่องใส เสียเร็วไม่ตั้งมั่น ใช้งานเพื่อให้หมดสิ้นกิเลสไม่ได้ มี 5 อย่าง คือ

ความเพลิดเพลินพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (กามฉันทะ)

ความคิดแค้นปองร้าย ผูกใจเจ็บ (พยาบาท)

ความห่อเหี่ยว เศร้าซึม ง่วงนอน (ถีนมิทธะ)

ความคิดที่ซัดส่าย ฟุ้งซ่าน ไม่สงบนิ่ง (อุทธัจจกุกกุจจะ)

ความลังเล เคลือบแคลง สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (วิจิกิจฉา)

หากจิตพ้นไปจากเหตุทั้ง 5 เหล่านี้ ย่อมผ่องใส ตั้งมั่น ใช้งานเพื่อให้เห็นแจ้งด้วยปัญญาสู่ความสิ้นกิเลสได้

ภิกษุสามารถแสดงฤทธิ์ แยกร่าง หายตัวได้ , ฟังเสียงทิพย์ทั้งใกล้ไกลที่มนุษย์ไม่ได้ยินได้ , อ่านสภาวะจิตผู้อื่นได้ ,  ระลึกชาติได้ , มองเห็นการเกิดตายของสัตว์ที่ทำดีทำชั่วทั้งหลายได้ , เกิดปัญญาที่ทำให้รู้แจ้ง สิ้นกิเลสทั้งหลายได้

___________________

ที่มา:  เรียบเรียงจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย เล่มที่ 36 (พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ภาค 3 ปัญจังคิกวรรค อุปกิเลสสูตร ข้อ 23), 2559, น.33-36

Credit: พระพุทธเจ้าพูดอะไร

ธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธะเปิดเผยจึงจะรุ่งเรือง , ภาพวาดพุทธประวัติเรียงลำดับเหตุการณ์เรื่องราวของการสังคายนา ครั้งแรก (ตอนจบ) เรื่องราวของการสังคายนา ครั้งแรก (ตอน 3)เรื่องราวของการสังคายนา ครั้งแรก (ตอน 2)เรื่องราวของการสังคายนา ครั้งแรก (ตอน 1)พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงร่วมปฏิรูปพระศาสนา   จั  บ   สึ   ก   พระอลัชชี , กำเนิดหมอชีวกโกมารภัจจ์ (ตอนที่ 1),  (ตอนที่ 2),  (ตอนที่ 3),   (ตอนที่ 4)หมอรักษาพระพุทธเจ้า,  ไม่ฉันเนื้อใน 3 กรณีเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืม,  พระพุทธเจ้ารับการรักษาและรับจีวรจากหมอชีวกโกมารภัจจ์,  ตถาคตเลิกให้พรแล้วคุณ 5 ข้อของการนอนแบบมีสติรู้ตัว,  แก้ปัญหาภิกษุโกสัมพีทะเลาะกัน (ตอนที่ 1),  (ตอนที่ 2),  (ตอนที่ 3),  (ตอนที่ 4),   (ตอนที่ 5),  (ตอนจบ),  "คว่ำบาตร" มีที่มาอย่างไร,  เรื่องไม้ชำระฟัน ,  ดูแลภิกษุอาพาธ , วันมาฆบูชา , โอวาทปาฏิโมกข์ - Ovādapātimokkha



Previous Post
Next Post

0 comments: