วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

"เครื่องกั้นมิให้สิ้นไปจากอาสวะ"

"เครื่องกั้นมิให้สิ้นไปจากอาสวะ"


หากมีความรัก ความเป็นห่วง ความผูกพัน ความเป็นกังวล ความพะวง จัดว่า "ยังมีความอาลัย" และจัดว่า "ยังมีเครื่องกั้นมิให้สิ้นไปจากอาสวะ" 

เพราะฉะนั้น จงอย่ารักและอาลัยอาวรณ์ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากนัก เพราะสิ่งนั้นจะเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์โศกเสียใจ

ดังพระพุทธพจน์ว่า

อุยฺยุญฺชนฺติ  สติมนฺโต    น  นิเกเต  รมนฺติ  เต

หํสาว  ปลฺลลํ  หิตฺวา     โอกโมกํ  ชหนฺติ  เตติ ฯ

“ท่านผู้มีสติย่อมออก (ย่อมขวนขวายเพื่อออก) ย่อมไม่ยินดี (ย่อมไม่ติด) ในที่อยู่ ย่อมละความห่วงใยไป เหมือนฝูงหงส์ละเปือกตมไปฉะนั้น” ดังนี้ ฯ

ท่านอธิบายไว้ว่า

“ฝูงนกคาบเอาเหยื่อของตนในเปือกตมอันบริบูรณ์ด้วยเหยื่อแล้ว ในเวลาไปก็มิได้ทำความห่วงอาลัยในที่นั้นว่า  "น้ำของเรา, ดอกปทุมของเรา, ดอกอุบลของเรา, ดอกบุณฑริกของเรา, หญ้าของเรา" หามีความเสียดายไม่ ย่อมละประเทศนั้น บินไปในอากาศ ฉันใด

พระขีณาสพทั้งหลายนั่นก็ฉันนั้นแล แม้อยู่ในที่ใดที่หนึ่งมีตระกูลเป็นต้น ก็ไม่ข้องอยู่ในที่นั้น แม้ในคราวไป ก็ละที่นั้นไป หามีความห่วงหา หรือหามีความเสียดายว่า "วิหารของเรา, บริเวณของเรา, อุปัฏฐากของเรา" มิได้ ย่อมเที่ยวไป” ดังนี้ ฯ

____

สาระธรรมจากอรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท อรหันตวรรค (เรื่องพระมหากัสสปเถระ)

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) วัดสามพระยา กรุงเทพฯ ,  2/7/65

บางครั้งต้องอยู่คนเดียวให้เป็นมัวร่าเริงหรือเพลิดเพลินอะไรกันหนอ ? , เหตุที่จะนำสุขมาให้ คือการรักษาคุ้มครองจิตไว้ให้ได้ , ลมรังควานต้นไม้ที่ทุพพลภาพได้ฉันใด , จิตประณีตเริ่มจาก , คุณสมบัติของคนดีเริ่มจาก , “บัณฑิตนั้น พึงเป็นผู้มีศีล มีปัญญา และตั้งอยู่ในธรรม” ,  ถ้าเจอคนแบบนี้ไม่ต้องกลัว ไม่เท่าไรหรอก ? , อาปายิกสูตร , ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ? , เหตุเกิดแห่งอกุศลกรรม , การจะไปมาหาสู่เข้าเป็นพวกเดียวกัน หรือคบค้ากัน หรือคบค้าสมาคมกัน , อามิสกับธรรมพระพุทธองค์มักแสดงไว้คู่กันเสมอ , ไม่มีใครที่ไม่เคยทำอะไรผิดเลย ,  เหตุไฉนผิวพรรณจึงผ่องใส ? , ทุกข์ปรากฎที่ไหนต้องดับที่นั้น , รู้เพื่อละ , การดับทุกข์ได้จริงและถูกต้อง ต้องไม่ทำบาปดับทุกข์ , การใคร่ครวญก่อนแล้วจึงตัดสินใจเป็นการดี​ , ภิกษุผู้มีชื่อเสียง คือประชาชนรู้จักกันทั่วแล้ว เมื่อจะแนะนำพร่ำสอนผู้อื่นต้องระวังให้มากขึ้นไปอีก










Previous Post
Next Post

0 comments: