นจฺจชาตกํ - เหตุที่ยังไม่ให้ลูกสาว
รุทํ มนุญฺญํ รุจิรา จ ปิฏฺฐิ,
เวฬุริยวณฺณูปนิภา [1] จ คีวา;
พฺยามมตฺตานิ จ เปขุณานิ,
นจฺเจน เต ธีตรํ โน ททามีติฯ
"เสียงของท่านก็เพราะ หลังของท่านก็งาม คอของท่านก็เปรียบดังสีแก้วไพฑูรย์ และหางของท่านก็ยาวตั้งวา, เราจะไม่ให้ลูกสาวของเราแก่ท่านด้วยการรำแพนหาง."
1) [วณฺณูปฏิภา (สฺยา.), วณฺณสนฺนิภา (ก.)]
อรรถกถานัจจชาดก
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันวิหารทรงปรารภภิกษุผู้มีภัณฑะมากรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า รุทํ มนุญฺญํ ดังนี้.
เรื่องเป็นเช่นกับเรื่องที่กล่าวไว้ในเทวธรรมชาดกในหนหลังนั่นแหละ.
พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า „ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า เธอเป็นผู้มีภัณฑะมากจริงหรือ ? „ ภิกษุนั้นกราบทูลว่า „พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ“.
พระศาสดาตรัสถามว่า „เพราะเหตุไร เธอจึงเป็นผู้มีภัณฑะมาก ?“ ภิกษุนั้นพอได้ฟังพระดำรัสมีประมาณเท่านี้ก็โกรธจึงทิ้งผ้านุ่ง ผ้าห่ม คิดว่า บัดนี้ เราจักเที่ยวไปโดยทำนองนี้แลแล้วได้ยืนเป็นคนเปลือยอยู่ ณ เบื้องพระพักตร์.
คนทั้งหลายพากันกล่าวว่า „น่าตำหนิ น่าตำหนิ“. ภิกษุนั้นหลบไปจากที่นั้น แหละแล้วเวียนมาเพื่อความเป็นคนเลว (คือสึก). ภิกษุทั้งหลายนั่งประชุม กันในโรงธรรมสภา พากันกล่าวโทษของภิกษุนั้นว่า กระทำกรรมเห็นปานนี้เบื้องพระพักตร์ชื่อของพระศาสดา.
พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า „ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันเรื่องอะไรหนอ ?“
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า „ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ชื่อภิกษุนั้นละหิริและโอตตัปปะ เป็นคนเปลือยเหมือนเด็กชาวบ้านในท่ามกลางบริษัท ๔ เบื้องหน้าพระองค์ ผู้อันคนทั้งหลายรังเกียจอยู่ จึงเวียนมาเพื่อความเป็นคนเลว เสื่อมจากพระศาสนา ดังนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายจึงนั่งประชุมกันด้วยการกล่าวโทษมิใช่คุณของภิกษุนั้น“.
พระศาสดาตรัสว่า „ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นเสื่อมจากศาสนาคือพระรัตนะในบัดนี้เท่านั้นหามิได้, แม้ในกาลก่อน ก็เป็นผู้เสื่อมแล้วจากอิตถีรัตนะเหมือนกัน“, แล้วทรงนำอดีตนิทานมาว่า :-
ในอดีตกาลครั้งปฐมกัป สัตว์ ๔ เท้าทั้งหลายได้ตั้งราชสีห์ให้เป็นราชา, พวกปลาตั้งปลาอานนท์ให้เป็นราชา, พวกนกได้ตั้งสุวรรณหงส์ให้เป็นราชา.
ก็ธิดาของพระยาสุวรรณหงส์นั้นนั่นแล เป็นลูกหงส์มีรูปงาม พระยาสุวรรณหงส์นั้นได้ให้พรแก่ธิดานั้น.
ธิดานั้นขอ(เลือก) สามีตามชอบใจของตน. พระยาหงส์ให้พรแก่ธิดานั้นแล้วให้นกทั้งปวงในป่าหิมพานต์ประชุมกัน หมู่นกนานาชนิดมีหงส์และนกยูงเป็นต้น มาพร้อมกันแล้ว ประชุมกันที่พื้นหินใหญ่แห่งหนึ่งพระยาหงส์เรียกธิดามาว่า „จงมาเลือกเอาสามีตามชอบใจของตน“.
ธิดานั้นตรวจดูหมู่นกได้เห็นนกยูงมีคอดังสีแก้วมณี มีหางงามวิจิตรจึงบอกว่า „นกนี้จงเป็นสามีของดิฉัน“.
หมู่นกทั้งหลายจึงเข้าไปหานกยูงแล้วพูดว่า „ท่านนกยูงผู้สหาย ราชธิดานี้เมื่อจะพอใจสามีในท่ามกลางพวกนกมีประมาณเท่านี้ได้ยังความพอใจให้เกิดขึ้นในท่าน“.
นกยูงคิดว่า แม้วันนี้พวกนกก็ยังไม่เห็นกำลังของเราก่อน จึงทำลายหิริโอตตัปปะเพราะความดีใจยิ่งนัก เบื้องต้นได้เหยียดปีกออกเริ่มจะรำแพนในท่ามกลางหมู่ใหญ่ได้เป็นผู้รำแพน (อย่างเต็มที่) ไม่มีเงื่อนงำปิดบังไว้เลย.
พระยาสุวรรณหงส์ละอายกล่าวว่า „นกยูงนี้ ไม่มีหิริอันมีสมุฏฐานตั้งขึ้นภายในเลย, โอตตัปปะอันมีสมุฏฐานดังขึ้นในภายนอกจะมีได้อย่างไร? เราจักไม่ให้ธิดาของเราแก่นกยูงนั้นผู้ทำลายหิริโอตตัปปะ“, แล้วกล่าวคาถานี้ในท่ามกลางหมู่นกว่า .-
„เสียงของท่านก็เพราะ, หลังของท่านก็งาม, คอของท่านก็เปรียบดังสีแก้วไพฑูรย์และหางของท่านก็ยาวตั้งวา, เราจะไม่ให้ลูกสาวของเราแก่ท่านเพราะการรำแพนทาง“.
บทว่า รุทํ มนุญฺญํ ในคาถานั้นท่านแปลง ต อักษร เป็น ท อักษร. อธิบายว่า เสียงเป็นที่น่าจับใจคือเสียงร้องไพเราะ. บทว่า รุจิรา จปิฏฺฐิ ความว่า แม้หลังของท่านก็วิจิตรงดงาม. บทว่า เวฬุริยวณฺญูปฏิภา แปลว่า เช่นกับสีแก้วไพฑูรย์. บทว่า พฺยามมตฺตานิ แปลว่า มีประมาณ๑ วา. บทว่า เปกฺขุณานิ ได้แก่ กำหาง.
บทว่า นจฺเจน เต ธีตรํ โน ททามิ ความว่า พระยาหงส์กล่าวว่า เราจะไม่ให้ธิดาของเราแก่ท่านผู้ไม่มีความละอายเห็นปานนี้ เพราะท่านทำลายหิริโอตตัปปะแก้วรำแพนนั่นแหละแล้วได้ให้ธิดาแก่ลูกหงส์ผู้เป็นหลานของตน ในท่ามกลางบริษัทนั้นนั่นเอง.
นกยูงไม่ได้ธิดาหงส์ก็ละอายจึงบินหนีไป. ฝ่ายพระยาหงส์ก็ไปยังที่อยู่ของตนนั่นแล.
พระศาสดาตรัสว่า „ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้ทำลายหิริโอตตัปปะแล้วเสื่อมจากศาสนาคือรัตนะ ในบัดนี้เท่านั้น หามิได้, แม้ในกาลก่อนก็เป็นผู้เสื่อมแล้ว แม้จากรัตนะคือหญิงเหมือนกัน“.
พระองค์ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วจึงทรงสืบอนุสนธิประชุมชาดกว่า นกยูงในครั้งนั้นได้เป็นภิกขุผู้มีภัณฑะมาก ส่วนพระยาหงส์ในครั้งนั้นได้เป็นเราตลาคตแล.
จบนัจจชาดกที่ ๒
Credit: Palipage : Guide to Language - Pali
31. ว่าด้วยการเสียสละ , 30. ว่าด้วยลักษณะของผู้มีอายุยืน , 29. ว่าด้วยผู้เอาการเอางาน , 28. ว่าด้วยการพูดดี , 27. ว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ , 26. ว่าด้วยการเสี้ยมสอน , 25. ว่าด้วยการเบื่อเพราะซ้ำซาก , 24. ว่าด้วยม้าอาชาไนยกับม้ากระจอก , 23. ว่าด้วยม้าสินธพอาชาไนย , 22. ว่าด้วยสุนัขที่ถูกฆ่า , 21. ว่าด้วยกวางกุรุงคะ , 20. เหตุที่ไม้อ้อเป็นรูทะลุตลอด , 19. ว่าด้วยการเปลื้องตน , 18. ว่าด้วยสัตว์ไม่ควรฆ่าสัตว์ , 17. ว่าด้วยความหนาวเกิดแต่ลม , 16. ว่าด้วยเล่ห์กลลวงพราน , 15. ว่าด้วยผู้ล่วงเลยโอวาท , 14. ว่าด้วยอำนาจของรส , 13. ว่าด้วยผู้ตกอยู่ในอำนาจหญิง , 12. ว่าด้วยการเลือกคบ , 11. ว่าด้วยผู้มีศีล , 10. ว่าด้วยการอยู่เป็นสุข , 9. ว่าด้วยเทวทูต , 8. ว่าด้วยไม่ใจเร็วด่วนได้ , 7. ว่าด้วยพระเจ้ากัฏฐวาหนะ , 6. ว่าด้วยธรรมของเทวดา , 5. ว่าด้วยราคาข้าวสาร, 4. ว่าด้วยคนฉลาดตั้งตนได้ , 3. ว่าด้วยเสรีววาณิช , 2. ว่าด้วยผู้ไม่เกียจคร้าน , 1. ว่าด้วยการรู้ฐานะและมิใช่ฐานะ
"พระปางถวายเพลิง" จ.พระนครศรีอยุธยา
ที่ วัดกลาง ประดิษฐานพระพุทธรูปปางถวายเพลิง สร้างตามพระไตรปิฎกในการถวายเพลิงสรีระของพระพุทธเจ้า ลักษณะเป็นพระบาทพระพุทธเจ้าโผล่ยื่นออกมานอกโลง มีพระกัสสัปปะยืนไหว้พระบาท