วันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2566

อวิชชาพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่ามีวิจิกิจฉาเป็นศีรษะ

 

อวิชชาพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่ามีวิจิกิจฉาเป็นศีรษะ

จริงอยู่ ความมืดมน ความหลงลืม และโอฆะ (กิเลสที่ท่วมทับจิตใจของหมู่สัตว์) คืออวิชชา จัดเป็นภัยใหญ่  เพราะเหตุนั้น อวิชชา จึงชื่อว่าตมะ (ความมืด, ความเศร้าหมอง, ความเขลา)  ตมะ (ความมืด) พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่ามีวิจิกิจฉา (ความเคลือบแคลงสงสัย) เป็นศีรษะ

ดังพระบาลีว่า

ตมนิทฺเทเส วิจิกิจฺฉาสีเสน อวิชฺชา กถิตา ฯ  "ตมนฺธกาโร, สมฺโมโห, อวิชฺโชโฆ มหพฺภโย"ติ วจนโต หิ อวิชฺชา ตโม นาม  ฯ

แปลว่า

“อวิชชาพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ด้วยความมีวิจิกิจฉาเป็นศีรษะ ฯ จริงอยู่ เพราะพระบาลีว่า “ความมืดมน ความหลงลืม โอฆะคืออวิชชา เป็นภัยใหญ่ ดังนี้ เพราะเหตุนั้น อวิชชา จึงชื่อว่าตมะ ฯ

เพราะฉะนั้น จงตัดความเคลือบแคลงสงสัย ๘ ประการต่อไปนี้ ออกจากจิตใจเสียเถิด คือ

๑. สงสัยในพระพุทธเจ้า (ว่าพระพุทธเจ้ามีตัวตนจริงหรือ พระพุทธเจ้ามีพระพุทธคุณจริงหรือ)

๒. สงสัยในพระธรรม (ว่ามรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ มีจริงหรือ พระธรรมนี้จะนำให้ออกจากทุกข์ได้จริงหรือ)

๓. สงสัยในพระสงฆ์ (ว่าพระอริยสงฆ์มีจริงหรือ ผลแห่งทานที่ถวายแก่พระสงฆ์มีจริงหรือ)

๔. สงสัยในสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา ว่ามีจริงหรือ ผลานิสงส์แห่งการศึกษาปฏิบัติในสิกขา ๓ นี้มีจริงหรือ)

๕. สงสัยในขันธ์ที่เป็นอดีต (สงสัยชาติที่แล้วมีจริงหรือ)

๖. สงสัยในขันธ์ที่เป็นอนาคต (สงสัยว่าชาติหน้ามีจริงหรือ)

๗. สงสัยในขันธ์ที่เป็นอดีตและอนาคต (สงสัยว่าชาติที่แล้วและชาติหน้ามีจริงหรือ)

๘. สงสัยในปฏิจจสมุปบาท (ธรรมที่เป็นเหตุเป็นผลอาศัยกันเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไปโดยไม่ขาดสายเลยนั้นมีจริงหรือ)

สาระธรรมจากอรรถกถา วิภังคปกรณ์ ขุททกวัตถุวิภังค์ ติกนิเทศ (ตมนิทเทส)

พระมหาวัชระ เชยรัมย์ (ติกฺขญาโณ) วัดสามพระยา กรุงเทพ ฯ

    


Previous Post
Next Post

0 comments: